ธรรมวิสาขบูชา

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
๑๓ พ.ค. ๓๘

ขอเจริญพรพุทธบริษัททั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ อุบาสก อุบาสิกาทุก ๆ ท่าน วันนี้จะขอกล่าวถึงวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญอย่างไรบ้าง จะตีความให้สั้น ชัดเจน สำหรับนักปฏิบัติธรรม

วันนี้เรียกว่า เป็นวันที่พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสูติ สำเร็จ และเสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน พระองค์ได้สำเร็จมรรคผลบนบังลังก์หญ้ากุสะ ได้รับข้าวมธุปายาสของแม่นุชนาฏสุชาดา ลอยถาดทอดคำวิ่งขึ้นเหนือน้ำ ฝืนใจถึงพบธรรมะ ใต้ร่มโพธิ์พฤกษ์ และได้ประกาศศาสนาถึง ๔๕ พระพรรษา

พอพระองค์อายุ ๘๐ พระพรรษา ก็ขอลาพระอานนท์ “ขะยะวะยะ ธัมมา สังขารา อัปปะเมทินะ สัมปาเทกาติ” อย่าประมาท อานนท์ศรีอนุชา บัดนี้สังขารกำลังเสื่อม สังขารกำลังโทรม เรากำลังเข้าสู่นิพพานแล้ว และนำไปสอนพุทธสาวกด้วย ขนาดท่านจะเข้าสู่ปรินิพพาน ท่านยังจะสอนเป็นปัจฉิมโอวาทด้วย

นอกเหนือจากนั้นแล้ว พระองค์ยังได้ฝากอานนท์ศรีอนุชา ที่พระสงฆ์มีความสงสัยว่า ถ้าพระองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว จะไปเคารพไหว้กราบบูชาตรงไหนเล่า

พระองค์ได้ประกาศออกมาว่า นี่แน่ะ อานนท์ศรีอนุชา ตัวแทนของพระองค์ คือ พระธรรมวินัย ตัวแทนของพระองค์ คือ คันถธุระ วิปัสสนาธุระ ตัวแทนของพระองค์ คือ คำสอนและโอวาทออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์ทุกประการ

อย่างนี้สิชาวพุทธ จะให้ไปเคารพพระพุทธเจ้าตรงไหน ปฏิบัติตามคำสั่งคือ พระวินัย ปฏิบัติตามคำสอนคือธรรมะ สองประการถือรวมเรียกว่าพระพุทธศาสนา

ท่านเป็นอุบาสกท่านเป็นอุบาสิกานั้น ถ้าท่านเป็นชาวพุทธจริง ท่านมาไหว้กราบกันเรียบร้อย ประนมมือกันอย่างนี้นะ ท่านต้องเป็นชาวพุทธแท้ ไม่แน่เลยนะ

จะดูตรงไหนล่ะ ที่นั่งเงียบกันบนศาลาหลังนี้ว่าใคร เป็นชาวพุทธบ้าง ก็จะหาคำตอบได้ง่ายขึ้นว่า อุบาสกคนนั้นอุบาสิกาคนนั้น ทำความคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่

มานั่งเงียบกันบนศาลา ไม่ได้ทำตามคำสอนเลย อาราธนาศีลก็ไม่เป็น อาราธนาธรรมก็ไม่เป็น จุดธูปบูชาพระก็ไม่เป็น ทำอะไรก็ไม่เป็น สวดพุทธคุณก็ไม่เป็น สวดธรรมคุณก็ไม่เป็น นี่หรือชาวพุทธ คงเป็นชาวพุทธแบบฟอร์ม

ท่านทั้งหลายเราเกิดมาเป็นมนุษย์น่ะ โชคดีแล้ว อย่าทำความเป็นมนุษย์ให้มันต่ำต้อยไปอีกเลย เราได้ลืมตาอ้าปากเห็นโลกสว่างเพราะใคร จะตอบได้ทันทีว่า เพราะเรามีหลักของพระพุทธศาสนาเป็นแสงสว่างให้แล้ว ท่านสาธุชนทั้งหลายจะไม่นึกถึงพระพุทธเจ้าบ้างเชียวหรือ

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สำเร็จฌานตอนเป็นพระพุทธเจ้านะ ท่านสำเร็จฌาณสมาบัติตอนเป็นพระเวสสันดร ที่ทั้งสี่กษัตราต้องบทจรไปอยู่ป่าหิมพานต์ ไปสร้างบารมีโดยถูกเนรเทศ สัตว์ดุร้ายมากในป่าหิมพานต์ ต้องเดินเลี้ยวลดคดเคี้ยวเขาวงกตลำบากเหลือเกิน

ท่านทั้งหลายท่านต้องการมาสบายหรือมาลำบาก หรือจะไปนั่งกรรมฐานในห้องแอร์ นึกถึง พระเวสันดรจอมปราชญ์เข้าไว้ก่อน ท่านสร้างบารมีมาหลายชาติ หลายกัปป์หลายกัลป์ ๘๐ อสงไขย กำไรแสนกัปป์ เรามาทำจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ จะได้อะไรกันหรือ มาลำบากหน่อยหอบเสื่อกลับบ้านแล้ว นี่หรือลูกศิษย์พระเวสสันดร

ท่านทั้งหลายเอ๋ย สร้างความดีต้องลงทุนความลำบากได้ พระเวสสันดรท่านเป็นใคร ต้องลำบากลำบน เหลือบยุงมากมายหลายประการ สัตว์ทั้งหลายดุร้ายมาก จนบำเพ็ญบารมีเกิดกุศลบุญราศรี ทำให้เสือโคร่ง เสือเหลือง เกิดเมตตารักกันในป่าหิมพานต์

แม่มัทรีต้องไปเก็บผลไม้เอามาเสวย ลำบากเหลือเกิน ร้อนถึงศักรินทร์เทวราชส่งทิพย์เนตรทิพยกรรณ เนรมิตต้นมักกะลีผล ๑๖ ต้น ให้ออกดอกออกผลเป็นนารีสวย ต้องการป้องกันโยคีลามกสกปรก เวลาพระมัทรีออกป่ามันจะไปปลุกปล้ำอนาจาร จึงได้ออกดอกเป็นนารีขึ้นมา

ท่านมานั่งปฏิบัติกรรมฐาน รำลึกถึงพระพุทธเจ้าบ้างไหม ว่าพระองค์ต้องสร้าง ทำโรงทานถึง ๘๐ อสงไขย กับอีกแสนกัปป์ กัปป์หนึ่งหมื่นปี เป็นพระเวสสันดรมากกว่าจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๓ หมื่นปีแล้วนะ ท่านรู้หรือไม่ ต้นมักกะลีผลยังอยู่ที่ป่าหิมพานต์ครบ เป็นต้นไม้เนรมิตของพระอินทร์

ตอนที่พระอินทร์ทราบว่า ผุสดีขอพรพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธะ ขอเป็นพุทธมารดา แล้วก็ขึ้นมาเป็นเมียพระอินทร์ ต้องการให้พระอินทร์ให้พร ๑๐ ประการ ลงมาจุติในโลกมนุษย์ ต้องการมีลูกโสภาคือเจ้าชายพระเวสสันดร บทจรไปบำเพ็ญพรตเป็นดาบส นี่แหล่ะออกป่าแล้วพระอินทร์ท่านยังรู้

พรต่อพรนะ ได้พรพระวิปัสสีแล้ว ยังได้พรพระอินทร์อีก ๑๐ ประการ จึงเรียกว่า ทศพรมาจนบัดนี้ ขอฝากญาติโยมไว้ การเกิดของพระพุทธเจ้าต้องสร้างบารมีมามากมายเหลือกิน สัตว์ป่าดุร้ายมาก คนธรรมพ์ วิชาธร ฤาษีชีไพรลามกสกปรก อยู่ในป่าหิมพานต์มาก พระองค์จึงแผ่เมตตา และพระราชทานสองกุมารไป ทำให้สัตว์ร้ายหันหน้าหากันด้วยบารมีของพระชินสีห์ พระเวสสันดรนั่นเอง และเทพเจ้าให้พรแซ่ซ้องมาจนบัดนี้

อีกตอนหนึ่งพระอินทร์แปลงเป็นตาเฒ่า มาขอพระราชทานพระมัทรี พระเวสสันดรก็ลองใจพระมัทรีว่า…มัทรีเอ่ย เจ้าจะเห็นเป็นไฉน พระราชสวามีก็เสียดายพระมัทรี สู้อุตส่าห์ลำบากมาด้วยกัน มัทรีเอ่ย ก็จะยกให้เป็นทานแก่ตาเฒ่าวนิพกยาจกเข็ญใจ เอาไปเป็นเมียหรือเป็นคนใช้เขา เป็นอย่างไรหรือพระมัทรีเอ่ย….

พระมัทรีกราบถวายบังคับทูลว่า ยินดีพระเจ้าค่ะ เพื่อพระราชสวามีหวังสัมโพธิญาณ ข้าพระพุทเจ้าขอรับใช้ละอองธุลีพระบาททุกประการ

พระเวสสันดรชื่นใจ พระอินทร์ได้ยินเช่นนั้นก็อนุโมทนาสรวงสวรรค์โปรยปรายมาด้วยดอกไม้ของหอมนานาชนิด พระอินทร์ก็แปลงเพศ เอ่ยวาจาว่า พระพุทธเจ้าข้าเอ่ย ข้าพเจ้าเป็นพระอินทร์พระเจ้าข้า

พระเวสสันดรถามว่า เพราะเหตุใดจึงทำเช่นนี้เล่า

พระอินทร์ก็บอกว่า เพราะเหตุยาจกคนเลวมันจะขอไปเสีย ข้าพระพุทธเจ้าจึงมาขอแทน และขอฝากไว้พระเจ้าข้า

สมเด็จพระเวสสันดรจอมราชมุนีชีไพร จึงได้ปลื้มอกปลื้มใจ มอบพระมัทรี เทอุทกวารีเหนือปฐพีดลใส่มือพราหมณ์ร้อนถึงศักรินทร์เทวราช ฝนก็ตกลงมา นี่แหล่ะน้ำพระทัยที่เด็ดเดี่ยว ไม่มีใครเท่าน้ำพระทัยของพระเวสสันดรเลย

พระอินทร์จึงให้พรกลับพระนครได้ นี่แหละพรต่อพรนะ ผู้ใหญ่ให้พรเก็บไว้ก่อนได้ไหม จะได้ต่อพรยิ่งขึ้นไป

ญาติโยมทั้งหลายเอ๋ย วันนี้เรามาตีความกัน วันเกิดของพระพุทธเจ้า เรามานึกถึงตัวเราทุกคน นึกถึงตัวเราว่าเกิดมาทำอะไรบ้าง เกิดมาแล้วต้องเรียนหนังสือ พระพุทธเจ้าท่านก็เรียนมาถึง ๑๘ ศาสตร์ จบ ๑๘ ด็อกเตอร์ ต้องเรียนนะ ไม่ใช่เวียนเทียนส่งเดชไป

เกิดมาทำไมกัน เกิดมามีกรรม เกิดมาทำอะไร เกิดมาสร้างความดีใช้หนี้เวรกรรมจึงจะถูกต้อง เกิดมาแล้วต้องเรียนหนังสือ ต้องหาวิชาใส่ตัว สอนตามพระพุทธเจ้าในวันวิสาขบูชา ไม่ใช่สอนไปสวรรค์นิพพานอย่างที่เขาสอนกัน เวียนเทียนไปสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ เอาตรงนี้ไปใช้หน่อย เป็นธรรมนะ

ลูกเราเกิดมาแล้ว เหมือนพระพุทธเจ้าประสูตินั่นเอง ตีความเข้ามาหาตัวเองว่า เอาลูกเรียนหนังสือ ตั้งใจให้มีวิชาความรู้ต่อไป ในเมื่อมีวิชาความรู้แล้ว ก็หาเหตุผลเจริญธรรม เจริญศีล ถึงจะสำเร็จเสร็จพลันทันเวลา ก็ไปช่วยเหลือคนอื่นไปให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เรียนมาเก็บนะ

ขอให้คิดในวันวิสาขะ ไปวางแผนให้ลูกท่านต่อไป เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง

เรียนรู้แล้วจะได้ออกไปสู้งาน ฐานะเราจะได้ดี เราจะได้มีปัญญา เรียกว่า พัฒนาเศรษฐกิจ

ประกอบอาชีพการงานดีแล้วเราก็จะเริ่มแก่ จะไปทางไหน ก็เตรียมตัวตาย เหมือนพระพุทธเจ้าไม่มีรอดเลย

เตรียมตัวก่อนตาย เจริญพระกรรมฐานให้มาก สร้างผลงานให้มาก ท่านเป็นข้าราชการระวังนะ ปลดเกษียณจะว้าเหว่ หาที่พึ่งไม่ได้ อมาตมาพูดซ้ำมาเสมอ ถ้าแก่ไปแล้ว ลูกไม่มาหา หลานไม่มาสู่ มันก็ว้าเหว่ เตรียมตัวก่อนตายนะ

ท่านทั้งหลายอย่าประมาทนะ สังขารกำลังเสื่อม กำลังแก่ ร่างกายกำลังโทรม เวลาหนุ่มสายก็โลดเต้นได้ อายุ ๔๕ ไปแล้วต้องยกบั้นท้ายขึ้นก่อน เพราะมันหนัก อายุ ๕๐ ปี ๕๕ ปี เลือดจะไปลมจะมา หงุดหงิดจะเกิดแก่ท่านเอง อายุ ๖๐ แล้ว หูก็จะตึง ฟังอะไรไม่ชัดเจนเหมือนหนุ่มสาวแต่ประการใด

หนุ่มสาวทั้งหลายจ๋า โปรดคิดถึงตัวเอง คิดว่าจะอยู่ถึงเฒ่าชะแรแก่ชราหรือ เมื่อเร็ว ๆนี้ รถทับตายกันหมด ยังเด็ก ๆ ทั้งนั้น มะม่วงลูกมันแก่ มันก็หล่นที่ลูก แต่น่าเสียดายเหลือเกิน ลูกกำลังอ่อน ๆ ถูกพายุพัดหล่นมาเป็นกระบุง น่าจะป้องกันภัยไว้ ไม่ให้โดนลมถึงขนาดนั้นเลย

ป้องกันภัยคือความชั่ว อย่าเอามาเข้าตัว อย่าเอามาเข้าตัวอีกต่อไปเลย สร้างความดีวันคล้ายวันประสูติก็อย่างนี้

วันเกิดของเราทุกคนอย่าลืมพ่อลืมแม่นะ อย่าให้พ่อแม่อดอยากปากแห้งแต่ประการใด ทั้งอามิสบูชา และปฏิบัติบูชา

อามิสบูชา คือ เตรียมอาหารการบริโภค ผ้าผ่อนท่อนสไบ ยารักษาโรค เตรียมให้เต็มไม้เต็มมือไปเลย

ปฏิบัติบูชา หมายความว่า พ่อแม่ไม่มีทาน ให้ท่านมาบำเพ็ญทานเสียบ้าง พ่อแม่เราไม่มีศีล ก็ให้พ่อแม่มารักษาอุโบสถ เจริญกรรมฐาน เจริญภาวนาบ้าง นี่แหละเป็นอภิชาตบุตร บุตรที่สนองพระเดชพระคุณบิดามารดา ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

มีหลักฐานยืนยันพิสูจน์ได้ พระพุทธเจ้าสำเร็จสัมโพธิญาณแล้ว รำลึกถึงพุทธมารดาก่อน ไปโปรดบนสรวงสวรรค์แม้กระทั่งไปเกิดเป็นเทพบุตร เป็นชาย ก็ยังติดตามไปให้ค่าป้อนน้ำนม ที่สัทธัตถะได้ดูดเลือดในอกของแม่มา ก็ไปสนองพระคุณ นี่เป็นตำราชัดเจน

ถ้าโยมถามว่า หลวงพ่อพูดมีหลักไหม ก็ตอบว่า มี พระพุทธเจ้าโปรดพุทธมารดาให้แม่ก่อน ท่านจึงเรียกว่า มาตาปิตโร แม่ออกหน้าพ่อ แต่กฎหมายประเทศไทย เอาพ่ออกหน้าบิดามารดา พ่อบ้านแม่เรือน

แต่พระพุทธเจ้าสอนมาตาปิตโร แม่ออกหน้าพ่อเพราะเหตุใด แม่อุ้มท้องเรามา แม่ให้นมเรากิน และเราก็เอาท้องแม่เราเป็นโรงแรม อยู่ทศมาสคลาดเคลื่อนจากคัพภา แม่ลำบากกว่าพ่อมาก พระพุทธเจ้าเห็นความสำคัญอันนี้จึงเรียกว่า มาตาปิตโร

ปฏิบัติบูชาอีกข้อหนึ่งที่คนคาดเดาไม่ถึงคือ อย่าทำลายน้ำใจพ่อแม่ อย่าทำลายน้ำใจครูบาอาจารย์ อย่าทำลายน้ำใจผู้มีพระคุณ

ขอฝากญาติโยมไว้ทุกคน เตรียมตัวก่อนตาย นึกถึงสังขารไม่เที่ยงหนอ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

อนิจจัง แปลว่า ไม่เที่ยง

ทุกขัง แปลว่า มีทุกข์

อนัตตา แปลว่า ปลอดภัยและสูญเปล่า

วิธีการทำอย่างไร โยมอย่าจับให้มั่น คั้นให้มันตาย มันเปลี่ยนแปลงภาวะได้ เราจะทำการค้า เราจะทำธุรกิจ อย่าจับมั่น คั้นให้ตายนะ นี่มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วท่านจะฉลาดในการทำงาน

ต้องรู้จักปรับปรุงและเปลี่ยนแปลง เราซื้อของสินค้ามาขายดิบขายดี และต้องรู้เหตุการณ์ว่าปีหน้าขายไม่ได้ ต้องเปลี่ยนสินค้าเลย นี่อนิจจังใช่ไหม มันเที่ยงแท้แน่นอนที่ไหนเล่า มันไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง จึงเป็นทุกข์

ถ้าเรายิ่งค้าขายซื้อซ้ำ ๆ ไป ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง ไม่รู้จักปรับปรุง ไม่รู้จักแก้ไข ไม่รู้อนิจจังจริง รับรองจะมีทุกขัง จะมีแต่ความทุกข์ ไม่มีความสนุกในการค้าขายแต่ประการใด

ค้าขายอะไรอย่าให้จำเจจนเคยชิน สร้างความดีต้องรู้จักเปลี่ยนแปลงว่า จะชั่วขึ้นมาแล้ว ก็แก้ไขไป เรียกว่า อนิจจัง แปลอย่างนี้น่าจะเข้าใจ

จะเป็นนักธุรกิจค้าขายที่ดิน ขายดิบขายดี ซื้อเข้าไปซื้อไว้ ระวังขายไม่ได้ ขายไม่ได้เป็นทุกข์ขัง มันก็เกิดความทุกข์ในใจใช่ไหม ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

โยมนั่งเจริญกรรมฐานจะรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกรัฐบาลชุดนี้ เขาบอกว่าราชาที่ดิน ซื้อไว้ ซื้อไว้ สร้างอุตสาหกรรม ไม่ดูเหนือดูใต้ ไม่ได้นั่งกรรมฐานเลย ปีหน้าต่อไปเลยเสื่อมไม่มีคนซื้อ และขายก็ไม่ได้ต่อไป โยมจะมีทุกข์ไหม

นี่แหล่ะมันจำเจ สร้างความดีไม่ถูกที่ ทำความดีไม่ถูกทาง เลยแก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงมีทุกขัง มีแต่ทุกข์ระทมขมขื่นอยู่ในหัวใจ จะขาดทุน เป็นหนี้สินเขาไม่พัก เดี๋ยวจะล้มละลายต่อไปเรียกว่า อนัตตา

อนัตตา ควรจะแปลว่า ล้มละลาย สูญหมดเลย ถ้าพูดธรรมสูงกว่านั้น อนัตตา คือ ปลอดภัย ปนัตตาแปลว่า ไม่มีกิเลส มันคนละชั้นกัน

วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา เราเคยทักษิณาวัตรในโรงอุโบสถ แต่ก็มากันมากหน้าหลายตาไม่สะดวกเลย กว่าจะเรียงแถวได้เสียเวลา ๒ ชั่วโมง และเข้าโบสถ์ไม่ได้ แต่บุญอยู่ที่ทักษิณาวัตร ที่เราจะน้อมนำพุทธคุณมาใส่ใจ ต้องการให้ถึงพระพุทธเจ้าต้องการเอาพระธรรม พระสงฆ์มาไว้ในใจ

ในวันนี้อาตมาจะนำบูชาพระรัตนตรัย และจะได้ทักษิณาวัตร น้อมตัวเองเข้าไปหาพระพุทธเจ้า ทักษิณาวัตรรอบสองน้อมตัวให้มีพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทักษิณาวัตรรอบสามน้อมตัวให้ถึงพระสงฆ์เจ้า เป็นเนื้อนาบุญของโลกที่เราบำเพ็ญบุญกุศลอยู่ ณ บัดนี้ ทั้ง ๓ จบนี้ก็ใช้ได้แล้ว

ต่อจากนั้นอาตมาจะนำสวด พาหุงมหากา ๑ จบ เรียกว่า พุทธชัยมงคลคาถา ที่สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว รจนาถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเนรศวรมหาราช พระองค์ไม่เคยแพ้ทัพ

และจะนำสวด ลักขี ให้พอ ๑๐๘ จบให้จงได้ (สวดพุทธคุณ ๑๐๘) พยายามสร้างบารมีนี้ต่อไป

สุดท้ายขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ท่านสาธุชนทั้งหลาย ในวันวิสาขปุณมีดิถีเพ็ญกลางเดือน ๖ วันนี้โดยทั่วหน้ากัน ขอทุกท่านจงเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย ๔ ประการ มีอายุขอให้ยืนนาน วัณโณ ผิวพรรณผ่องใส สุขัง ขอให้สุขภาพกายอนามัย ทุกท่านโปรดได้ใจดี โรคภัยไข้เจ็บมีก็โปรดหาย สิ่งทั้งหลายที่คิดไว้ ณ โอกาสหน้า จงพรรณนาให้เกิดความสำเร็จเผด็จผล สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุก ๆ ท่าน ณ โอกาสบัดนี้เทอญ