กรรมฐานรักษาโรค

โดย ณัฐชไม เฉื่อยนอก

ดิฉันมีโรคประจำตัวที่ทำให้ต้องเป็นทุกข์อยู่ในใจมานานกว่า ๑๐ ปี คือ มดลูกอักเสบง่าย ถ้าอั้นปัสสาวะจะอักเสบทันที ปัสสาวะไม่ค่อยออก มีเลือดออกจาง ๆ และเจ็บแสบทรมาน รักษาประจำเดือนละ ๒ – ๓ ครั้ง มักจะเป็นตกขาวด้วย คือ เป็นโรคปวดศีรษะ กระดูกคอทับเส้นประสาท ทำให้ปวดศีรษะมากและปวดตลอดเวลา ภูมิแพ้ – หวัดก็เป็นอยู่ประจำ แพ้ฝุ่น แพ้อากาศ และควันรถยนต์ ริดสีดวงทวาร ความดันต่ำ หน้ามืดบ่อยมาก เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังมีโรคกระเพาะอาหาร เวลาโมโหหรือเครียดจะปวดท้องทันที มักจะปวดหลังปวดคอ และปวดบ่า ๒ ข้างมาก จนแสบร้อนน่าเบื่อมาก โรคใจทำให้นอนไม่ค่อยหลับทั้งคืนอยู่บ่อย ๆ กลางคืนจะปัสสาวะบ่อยมาก ถ้าอั้นปัสสาวะกลางคืน ตอนเช้าจะอักเสบ โรคทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วนี้ทำให้ต้องพกยาไว้ตลอดเวลา ขาดไปอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย เวลามีอาการเจ็บปวดก็แทบจะขาดสติไปเลย ดิฉันมาวัดอัมพวันทั้งที่มีทุกข์มากทั้งกายทั้งใจ จึงคิดที่จะฆ่าตัวตายโดยกินยาตาย กินแล้วก็ไปกราบพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เจ้าแม่กวนอิม รูปหลวงพ่อจรัญที่มีอยู่ที่บ้าน บอกทุกข์ที่มีอยู่ในใจ และบอกท่านว่าลูกกลัวตกนรก และรู้ว่าบาปมากที่ฆ่าตัวตาย ขอพระพุทธเจ้าจงประทานอภัยให้ลูกด้วย ลูกไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ ขออย่าให้ลูกตกนรกเลย ลูกกลัวค่ะ เสร็จแล้วก็นอนดูอาการ แล้วก็เริ่มแน่นหน้าอก หัวใจเต้นเร็วมาก เต้นจนเหนื่อย จึงกำหนดลมหายใจเข้าออกนึกถึงพระพุทธเจ้า พุทโธๆๆๆ จนกระทั่งหลับไป พอตื่นขึ้นมา จิตใต้สำนึกบอกว่าท่านช่วยให้เรารอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ไม่ต้องไปตกนรก ท่านสงเคราะห์เราแล้ว อีกใจก็นึกถึงหลวงพ่อจรัญ ว่าวันอาทิตย์นี้เราจะไปหาหลวงพ่อ เพื่อเข้ากรรมฐาน

ก่อนเข้าถึงวัดได้อธิษฐานจิตพูดกับหลวงพ่อและบอกทุก ๆ อย่างที่เราเป็นมา และทุกข์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าหากลูกย่างเท้าเข้าธรณีประตูวัดเมื่อใด ขอให้แก้กรรมได้ แก้ปัญหาเหตุแห่งทุกข์ทั้งหมดได้ด้วย มิฉะนั้นลูกจะเข้าป่าดงพงไพรไม่ขอกลับบ้าน และขออยู่อย่างสงบตามป่าตามเขาอย่างเดียว และขู่ตัวเองอีกว่า ถ้าเราแก้กรรมไม่ได้จะไม่ขอมาวัดหลวงพ่ออีกเลย ใจก็นึกว่าดังนั้นเราต้องตั้งใจปฏิบัติให้เต็มที่ มิฉะนั้นอาจไม่ได้มาวัด มาหาหลวงพ่ออีก ด้วยความกลัวที่จะไม่ได้มาวัดทำให้ตั้งใจปฏิบัติอย่างมาก

ดิฉันอยู่ปฏิบัติที่วัดอัมพวันอย่างเคร่งครัด และพอมีเวลาก็กวาดลานวัด กำหนด กวาดหนอๆๆ กำหนดกวาดหนออย่างเดียว แล้วก็คิดได้ว่า มันก็เหมือนกิเลสของเรา ถ้าไม่กวาดมันก็จะสกปรก ไม่น่าดูเหมือนใจเรา ดิฉันเดินจงกรมและนั่งกรรมฐานจาก ๓๐ นาที ก็เลื่อนไปจนกระทั่งเดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง กำหนดพองหนอ ยุบหนอก็รู้สึกว่ามันไม่ชิน เจ็บซี่โครงทั้งสองข้าง เพราะปกติเคยแต่บริกรรมพุทโธมา มันง่ายดี แต่พอทำไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกดีขึ้น และไม่เจ็บซี่โครงอีก ผลจากการปฏิบัติกรรมฐานตอนเดิน ๑ ชั่วโมง ทำให้ปวดแขนทั้งสองข้าง ปวดมากจนแทบหลุดออกจากกัน การนั่งก็เจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา เมื่อปวดก็กำหนด ปวดหนอ ปวดหนอ ดูอาการเวทนาไป มันก็ไม่หายและกลับเพิ่มทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบทนไม่ได้ จิตใต้สำนึกจึงคิดขึ้นมาว่า พระพุทธเจ้าท่านทรมานมากกว่าเราอีก และหลวงพ่อก็สอนให้เราอดทนให้ถึงที่สุด ให้ตายเป็นตาย จะได้ไม่เสียเที่ยวที่มาหาหลวงพ่อ มาเพื่อปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน จะตายก็ให้ตายไป เราช่างไม่มีความอดทนเลย จะได้ดีได้อย่างไร จะได้เห็นของจริงหรือ เมื่อดิฉันคิดได้ดังนี้ ก็มีกำลังใจสู้กับเวทนา กำหนดปวดหนอ ปวดหนอ ต่อไป ยิ่งนานก็ยิ่งปวดมากขึ้น ปวดจนตัวสั่น แต่ดิฉันก็สู้ สู้จนเกิดนิมิตเห็นภาพวัว ๒ ตัวปรากฏขึ้น มันสะบัดหน้าส่ายไปมาอย่างทรมานเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น และสักครู่ก็เห็นปลาดุกมากมาย จิตใต้สำนึกก็บอกออกมาว่า เมื่อตอนเราเป็นเด็กเราฆ่าปลาดุกมามากมาย ชอบเอามีดปลายแหลม ๆ เสียบที่หัวมัน ความทรมานทำให้ดิฉันแทบทนไม่ได้

จนกระทั่งวันหนึ่งของการปฏิบัติ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปหาหลวงพ่อ เพียงแค่เดินไปดูหนังสือที่หน้ากุฏิท่าน ก็พอดีท่านลงมานั่งรับญาติโยม ดิฉันเลยเข้าไปฟังกับเขาบ้าง ท่านก็คุยของท่านไปเรื่อย ๆ สอนเด็กสาว ๆ ว่าอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ และท่านก็เทศน์สอนเรื่องหน้าที่ของพ่อแม่ ทำเอาดิฉันต้องนึกเสียใจแอบนั่งก้มหน้าร้องไห้ฟังท่านเทศน์ ท่านเทศน์เหมือนขอบิณฑบาตต่อดิฉันไม่ให้ทิ้งลูก ควรเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี พ่อแม่ไม่ควรทิ้งลูก ทำให้ลูกขาดความอบอุ่น ทำให้ลูกไม่มีที่พึ่ง ทำเอาดิฉันต้องยอมแพ้และละพยศลงทันที เพราะเดิมทีดิฉันมีความตั้งใจว่าจะทิ้งลูกกับสามี เพราะได้ตั้งใจไว้นานแล้ว ทำให้จิตพลันเกิดสงสารลูก คิดถึงลูก ยอมติดต่อกลับไปบอกสามี ซึ่งพอสามีรู้ว่าดิฉันอยู่ที่วัด ก็รีบมารับดิฉันกลับบ้าน

หลังจากกลับจากวัด มดลูกก็ไม่มีอาการอักเสบอีก ไม่ต้องกินยาแก้อักเสบ กระดูกคอทับเส้นประสาทก็หาย อาการปวดหลังก็มีนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่สร้างความรำคาญใจให้อีก อาการปวดศีรษะก็มีบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ถ้ายังมีอาการปวดก็อาศัยการกำหนดปวดหนอ ปวดหนอ สักครู่หนึ่งอาการปวดก็หายไปเอง อาการไข้หวัด และเมื่อไม่เป็นหวัดก็ไม่มีอาการภูมิแพ้ไม่ต้องทานยาประจำอีกต่อไป ปากที่ชอบเป็นแผลบ่อย ๆ ทอนซิลที่ชอบอักเสบ เจ็บคอ พอเวลามีอาการ ก็จะกำหนด กลืนน้ำลาย กลืนหนอ แสบหนอ เจ็บหนอ พอทำงานอย่างอื่นก็กำหนดอย่างอื่นต่อไป พอหวนกลับมานึกอีกที อาการเจ็บคอก็หายแล้ว แผลในลำคอก็หาย แผลในปากก็หาย โรคริดสีดวงที่เป็นก่อนไปวัด และตั้งใจว่าจะหาเวลาไปผ่าตัด ต่อเมื่อมาปฏิบัติแล้ว โรคริดสีดวงก็หายดีเป็นปกติ ไม่ต้องผ่า เพราะมันยุบไปเอง

เมื่อโรคทางกายดีขึ้น โรคทางใจก็ดีขึ้นด้วย นอนก็หลับสนิทดี ไม่ฟุ้งซ่านอีก ไม่พยาบาทใคร ให้อภัยคนได้ง่ายขึ้น ไม่คิดละโมบโลภมากอยากได้ของใคร แม้แต่ของสามีก็ดี เรารักตัวเองอย่างไรก็รักคนอื่นอย่างนั้น มีความอดทนต่อทุกขเวทนามากขึ้น และใจที่คิดอกุศลก็ลดน้อยลงไปมาก ทำให้ไม่ปรุงแต่งฟุ้งซ่าน

หลังจากนั้นดิฉันก็พิมพ์หนังสือพุทธคุณแจกเพื่อน ๆ และเล่าอาการที่เกี่ยวกับดิฉันให้เขาฟัง ดิฉันจะขอจดจำคำสอนของหลวงพ่อไว้ตลอดชีวิต