เมื่อรู้ตัวว่าจะตาย

โดย พรสมบัติ ปัทมากรโกมล

คุณพรสมบัติ ปัทมากรโกมล และลูกชาย ถวายธูปเทียนแพ

สามีดิฉันชื่อนายอำนวย ปัทมากรโกมล ได้ป่วยเป็นโรคไตวาย กว่าจะทราบก็อยู่ระยะสุดท้ายแล้ว ดิฉันพาไปรักษาหลายแห่งที่คิดว่าจะช่วยได้

เขาได้มีโอกาสไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดอัมพวันเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๓๖ ปฏิบัติอยู่จนครบ ๗ วัน พอกลับมาถึงบ้านก็เล่าให้ดิฉันฟังว่า ธรรมะฝืนมาก ๆ ยากที่คนจะทำได้

ครั้งที่สองเขาได้ไปปฏิบัติอีกเมื่อวันที่ ๖ เมษายน จนถึงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๓๖ สามีก็บอกดิฉันว่า “เธอทำไม่ได้หรอก” ดิฉันเองก็คิดอีกว่าจะลองดู ถ้าฉันนั่งได้จะว่าอย่างไร

สามีดิฉันก็ส่งดิฉันไปปฏิบัติได้ครบ ๗ วัน ในวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๓๖ เกิดอานิสงส์ปรากฏดังต่อไปนี้ ๑. ลูกชายที่ได้ออกจากบ้านไปนานถึง ๑๑ ปี ก็ได้กลับมาบ้าน มาขอโทษพ่อก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต คำอโหสิกรรม ของหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์มาก
๒. พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เข้าใจผิดกันได้กลับมาคืนดีกันหมด ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยสนใจต่อพี่ชายเลยในขณะที่ป่วย

สามีของดิฉันเคารพรักและนับถือหลวงพ่อมาก จะไปที่ไหนพบใครก็จะเล่าแต่เรื่องหลวงพ่อ ธรรมะของหลวงพ่อมีแต่ของจริง วัดของหลวงพ่อสะดวกสบาย อาหารการกิน ที่พักอาศัย ไม่มีวัดไหนทำได้อย่างหลวงพ่อ บอกพี่น้องชาวบุรีรัมย์ให้ไปดูวัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัญ

ต่อมาอาการป่วยของสามีดิฉันทรุดหนักลง เขาบอกว่า “ฉันอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ถ้าฉันตายให้ตั้งศพสวด ๓ วันแล้วเผาเลย เผาแล้วให้นำกระดูกไปลอยน้ำที่วัดอัมพวัน” ก่อนตายลูก ๆอยู่กันพร้อมหน้า สามีดิฉันได้กำหนดจิตเอง หายใจยาว ๒ ครั้ง แล้วก็หมดลมหายใจไปโดยอาการสงบ ใบหน้าอิ่ม ดิฉันได้เขียนหนังสือใส่ปากของผู้ตายว่า จิ เจ รุ ณิ จบชีวิตเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๓๗

ดิฉันและลูก ๆ จัดการศพตามความประสงค์ของผู้ตายทุกประการ เมื่อทำบุญครบ ๑๐๐ วัน ที่วัดกลาง จ.บุรีรัมย์ ได้นิมนต์หลวงพ่อจรัญไปเทศน์

ดิฉันปลาบปลื้มใจมากที่สุด ที่หลวงพ่อได้ให้ความเมตตากรุณาแก่ครอบครัวของดิฉัน บั้นปลายชีวิตของดิฉันคงได้มีโอกาสมารับใช้ตอบแทนบุญคุณของหลวงพ่อและทุกคน ณ วัดอัมพวันแห่งนี้

พรสมบัติ ปัทมากรโกมล
๙ มกราคม ๒๕๓๗
๔/๒๓ – ๒๔ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ๓๑๐๐๐