ประสบการณ์ชีวิตจริง

โดย ฐานธมฺโม ภิกขุ

ข้าพเจ้าเลือกปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน เพราะ…

๑. ศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม หรือท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล นับตั้งแต่ได้อ่านเรื่องมักกะลีผล เมื่อเกือบสิบปีที่ผ่านมา
๒. เคยฝันถึงท่านมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตจริงไม่เคยได้พบท่านเลยแม้ครั้งเดียว
๓. คืนวันวิสาขบูชาได้ปฏิบัติสมาธิอธิษฐานว่า หากออกจากวัดนี้ จะเริ่มต้นที่จุดใดก่อน ปรากฏว่าหลับฝันถึงสมเด็จพระปิยมหาราช

จากสาเหตุ ๓ ประการดังกล่าว ข้าพเจ้าจึงเดินทางมาวัดอัมพวัน

เกือบตลอดทาง ข้าพเจ้านึกถึงพระคุณท่าน ขออย่าให้การเดินทางมาครั้งนี้ต้องพบกับคำว่าผิดหวังเลย

ข้าพเจ้าเข้าไปกราบคารวะท่านพร้อมรายงานตัวว่าเป็นใคร มาจากไหน เมื่อรายงานถึงชื่อพระอาจารย์ของข้าพเจ้า พระคุณท่านยิ้มน้อย ๆ แสดงว่ารู้จักเป็นอย่างดี

ขณะนั้นเวลาจำกัดมาก เพราะได้เวลาที่จะทำวัตรสวดมนต์เย็น พระคุณท่านจึงได้ชวนพระทุกรูปขึ้นทำกิจวัตรโดยเฉพาะวันนี้ พระคุณท่านให้โอวาทสั่งสอนเป็นกรณีพิเศษ

โอวาทวันแรกที่ได้รับฟังก็เริ่มทิ่มแทงหัวใจข้าพเจ้าอย่างจัง เมื่อ พระคุณท่านพูดถึงเรื่องพระปฏิบัติกับการสูบบุหรี่ หากพระเลิกบุหรี่ไม่ได้ จะสอนคนอื่นได้อย่างไร พระคุณท่านพูดได้เด็ดขาดไปเลย!

เพราะข้าพเจ้าสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี จนปัจจุบันอายุ ๔๒ ปี เรื่องจะเลิกง่าย ๆ นั้น ถ้าไม่เคารพนับถือกันจริง ๆ คงยอมไม่ได้

อีก ๒-๓ วันต่อมา ข้าพเจ้าได้รับฉันทานุมัติให้เป็นผู้นำพานพุ่มดอกไม้ถวายพระคุณหลวงพ่อที่ศาลาปฏิบัติธรรม

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย พระคุณท่านได้ให้โอวาทแก่ทุก ๆ คน ถึงเรื่องการปฏิบัติในแนวสติปัฏฐาน ๔ จากนั้นท่านได้พูดถึงการให้ทาน การมีเมตตาต่อกันและกัน เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักเสียสละ อีกทั้งเป็นการขัดเกลากิเลสที่มีอยู่ในใจด้วย เป็นเวลาเกือบ ๓ ชั่วโมง จึงปิดการอบรม

ข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติสมาธิตามแนวสติปัฏฐาน ๔ จนนั่งแทบไม่ได้ มันปวดร้าวไปหมดทั้งร่างกาย ส่วนทางด้านจิตใจแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ไม่มีอุปสรรคหรือมารใด ๆ มารบกวนเลย

สิบวันต่อมา คณะสงฆ์ที่เข้ามาปฏิบัติ ได้ตกลงกันที่จะกราบลาหลวงพ่อ เนื่องจากขณะนั้น ภายในวัดอัมพวัน ได้มีพระภิกษุบวชเข้ามาใหม่อีกเป็นจำนวนหลายรูป กุฏิที่อาศัยไม่เพียงพอ ต้องแออัดกันอยู่ ซึ่งบางห้องอยู่กันถึง ๓ รูปก็มี คณะสงฆ์ที่มาปฏิบัติจึงมีความเข้าใจและเห็นใจ จึงตกลงที่จะกราบลาดังกล่าว หลังจากนั้นทุกรูปก็แยกย้ายกันกลับสำนักเดิมของตน

ประมาณ ๓ ทุ่มเศษ ๆ ข้าพเจ้าเกิดอาการวิตกกังวล ด้วยก่อนหน้านี้ได้โทรศัพท์ถึงอาจารย์จรัล บุญฉิม ที่หนองแขม กรุงเทพฯ เรียนให้ทราบถึงการมาปฏิบัติของข้าพเจ้า โดยขอให้ท่านช่วยอนุเคราะห์ค่าพาหนะกลับด้วย เพราะขณะที่โทรฯนั้น มีปัจจัยเหลืออยู่ประมาณ ๕๐ บาท ท่านอาจารย์จรัล บุญฉิม รับปากว่าจะเดินทางมารับที่วัดอัมพวัน และจะเดินทางไปจังหวัดลำปางด้วย

ความวิตกกังวลว่า ท่านอาจารย์จรัล บุญฉิม จะไม่มารับ ถ้าหากเป็นไปเช่นนั้นจริง ๆ ข้าพเจ้าจะเอาเงินที่ไหนเป็นค่ารถ และจุดหมายที่จะเดินทางต่อไปนั้น ยังหาความแน่นอนไม่ได้

ขณะกำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น! เกิดสำนึกอยากลองบุญบารมีของพระคุณหลวงพ่อ โดยการใช้วิธีอธิษฐานจิต ความคิดในขณะนั้น เป็นความคิดที่แฝงด้วยอวิชชา อยากพิสูจน์ว่าพระคุณท่านได้ เจโตปริยญาณ รู้วาระจิตของผู้อื่นไหม มีอนาคตังสญาณ รู้อนาคตไหม

ครั้นตกลงปลงใจแน่นอนเช่นนั้น จึงจุดธูปเทียนกราบคารวะรำลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ และบุญญาธิการของสมเด็จพระปิยมหาราช รวมทั้งบอกกล่าวถึงเทพมารทั้งหลายว่า อย่าได้ปิดกั้นกระแสจิตของข้าพเจ้า ที่จะขอพึ่งบุญบารมีในพระคุณท่านเลย

จากนั้นส่งจิตน้อมรำลึกไปถึงพระคุณหลวงพ่อ เมื่อได้มีมโนภาพชัดเจนแล้ว จึงกล่าวอธิษฐานว่า

“ท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพ ลูกไม่มีเงินค่ารถที่จะเดินทางต่อไป และลูกเองก็ยังไม่แน่ใจว่า จะไปที่ใดดี จึงขออธิษฐานโดยใช้ขี้ธูปเป็นเกณฑ์ หากขี้ธูปชี้ไปทางเหนือ ลูกจะไปเชียงใหม่ หากขี้ธูปชี้ลงทางใต้ ลูกจะไปสมุทรปราการ ขอบุญบารมีของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ช่วยบันดาลให้เป็นไป ตามที่จะเห็นสมควรว่าดีเถิด ถ้าพรุ่งนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ช่วยกระผม กระผมคงไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ อีกต่อไป”

จากนั้นน้อมจิตกลับมาปักลงที่พองยุบ สลัดความกังวลต่าง ๆ ออกสิ้น เหลือสามัญสำนึกเพียงอาการพองยุบ ๆ เท่านั้น

นานจนรู้สึกว่า กลิ่นธูปได้จางหายไป จึงส่งจิตไปยังกระถางธูป ค่อย ๆ เผยอเปลือกตาออกดู เหลือเชื่อ! ช่างปาฏิหาริย์อะไรเช่นนั้น! ข้าพเจ้าขนลุก ปีติเกิดขึ้นวูบตามขุมขน!

ขี้ธูปทั้ง ๓ ดอกนั้น ไม่ได้หักลงเลยแม้แต่อันเดียว ดอกกลางยังคงตั้งตรง ส่วนดอกข้างทั้งสองต่างเอนปลายชี้ไปทางทิศเหนือ

๓ ทุ่มคืนวันเสาร์ คณะสงฆ์ที่จะลากลับสำนัก ได้มีฉันทานุมัติให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ถือพานพุ่มถวายหลวงพ่อ เหมือนตอนเริ่มปฏิบัติ ตามกำหนดการ หลวงพ่อ จะให้โอวาทแก่คณะเราเวลา ๔ ทุ่ม แต่เนื่องจากท่านติดการปิดการอบรม และให้โอวาทแก่คณะศิษยานุศิษย์ประมาณ ๓๐๐ คน ที่ศาลาใหญ่ เวลาจึงคลาดเคลื่อนไปถึง ๕ ทุ่ม พระคุณท่านจึงได้เดินทางมาถึง

ขณะนั้นภายในกุฏิหาใช่มีแต่คณะสงฆ์ที่จะลากลับไป ยังมีคณะศิษยานุศิษย์จากที่ต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมากมารอพบท่านอยู่

เรื่องเวลารับแขกของพระคุณท่าน คณะศิษย์ควรกำหนดให้แน่นอน ว่าเวลาใดควรให้ท่านพักผ่อน จริงอยู่พระคุณท่านอาจปฏิเสธ เพราะเห็นแก่เวไนยสัตว์ แต่พวกเราก็ควรคำนึงถึงสุขภาพของพระคุณท่านบ้าง

เมื่อพระคุณท่านนั่งลงเรียบร้อย ทุกคนต่างก้มกราบ เสร็จแล้วข้าพเจ้าถือพานพุ่มเข้าถวายสักการะ เมื่อท่านรับแล้ว ข้าพเจ้ากล่าวขึ้นว่า

“ขอกราบคารวะท่านพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง คณะสงฆ์ที่มานี้ มาเพื่อกราบลาสู่สำนักของตนเอง จริงอยู่ เวลาที่คณะสงฆ์ชุดนี้มาปฏิบัตินั้น เป็นเวลาที่สั้นมาก แต่ทุกคนก็ได้รับอานิสงส์มากบ้างน้อยบ้าง ตามที่บารมีของแต่ละคน แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่พวกเราซาบซึ้งประทับใจ นั่นคือ กฎ ระเบียบ ปฏิปทา และจริยาวัตรอันน่าเคารพเลื่อมใสของพระเดชพระคุณ และก่อนที่คณะกระผมจะกลับนี้ ขอได้โปรดเมตตาประทานโอวาท เพื่อเป็นธัมมานุสติให้คณะสงฆ์ได้นำไปประพฤติปฏิบัติ โดยส่วนตัวของกระผมแล้ว ปรารถนาที่จะได้ในสิ่งที่เป็น อาจาริยนุสสติ (ของขวัญจากอาจารย์) เพื่อให้พวกกระผมได้กราบไหว้ รำลึกนึกถึงในพระคุณหลวงพ่อ แต่ทั้งนี้ต้องแล้วแต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อจะมีเมตตา”

ในขณะที่กล่าวนั้น ข้าพเจ้าสังเกตเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นนิด ๆ ที่ริมฝีปากท่าน เป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความเมตตากรุณาอันเปี่ยมล้นในดวงจิต ทำให้ผู้พบเห็นสุขใจ อุ่นใจ และเลื่อมใสไม่รู้คลาย

จากนั้นพระคุณท่านได้ให้โอวาทให้รู้ถึงแนวทางปฏิบัติที่สูงขึ้น และย้ำเป็นพิเศษในคืนนั้น คือการให้ทาน พระคุณท่านได้เล่าเรื่องพระเวสสันดรให้ทานโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง และในที่สุดได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พอสมควรแก่เวลา พวกเราจึงพร้อมกันกราบลา เพื่อให้คณะอื่นได้เข้าคารวะต่อไป พอกราบครั้งที่ ๓ เสร็จ เงยหน้าขึ้นมองพระคุณท่านเท่านั้น ข้าพเจ้าแทบช็อค! และอยากจะกลั้นใจให้ดับดิ้นลงตรงนั้นด้วยความอับอาย…! เจโตปริยญาณ! นี่คือ ! พระอริยสงฆ์

พระคุณท่านยื่นซองปัจจัยให้ข้าพเจ้า เป็นค่ารถ

ขอเตือนผู้ที่มีอกุศลจิต อย่าได้คิดล้อเล่นหรือประมาทในพระอริยสงฆ์ เช่นข้าพเจ้าที่ได้กระทำในครั้งนี้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้น ประตูแห่งอบายภูมิ ๔ จะมีไว้ให้ท่านเดิน

นอกจากปัจจัยค่ารถแล้ว พระคุณท่านยังให้พระวิโรจน์แจกรูปภาพขนาดใหญ่ของท่าน ๑ รูป พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระปิยมหาราชอีก ๑ รูป และได้มอบเหรียญของพระคุณท่านเองอีก ๑ เหรียญด้วย

วันต่อมา อาจารย์จรัล บุญฉิม ได้เดินทางมาพบข้าพเจ้าที่วัดอัมพวันตามกำหนด แต่ได้ปฏิเสธที่จะเดินทางไปลำปางด้วย เนื่องจากมีกิจธุระอื่นจะต้องทำที่จังหวัดสุพรรณบุรี และได้ถวายปัจจัยแก่ข้าพเจ้าเป็นจำนวน ๑,๗๐๐ บาท

นี่คืออานิสงส์ของการปฏิบัติธรรมและผลของการปฏิบัติธรรมจากท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล หรือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม แห่งวัดอัมพวัน สิงห์บุรี ในครั้งนั้น ทำให้ข้าพเจ้าเลิกบุหรี่ได้โดยเด็ดขาด หลังจากตกเป็นทาสมันถึง ๒๓ ปี