ชีวิตนี้มีค่า

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

อเจริญพรท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุทัยธานี และบรรดาญาติพี่น้องทั้งหลาย ผู้ใคร่ธรรมสัมมาปฏิบัติในวันนี้ อาตมาดีใจ ซึ้งใจที่ท่านสนใจธรรมะ วันนี้จะบรรยายธรรมะเรื่องชีวิตนี้มีค่า การกระทำนั้นเป็นกฎแห่งกรรม จากการเจริญพระกรรมฐาน ณ โอกาสบัดนี้

ท่านผู้อำนวยการเป็นประธานพิธีในวันนี้ ท่านนายกพุทธสมาคม ยงยุทธ สาธิตานนท์ ได้ไปอาราธนาอาตมามาชี้แจง กว่าจะหาเวลามาได้ แสนจะยากเพราะ ไม่ว่าง

ขอฝากไปสอนลูกสอนหลานด้วย อย่าให้ลูกว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่ จะหลงทางได้ง่าย อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ

แต่ โปรดว่างกิเลส สมองว่างโดยไม่ไปเอากิเลสของใครมาใส่ในสมอง แต่ ขออย่าได้ว่างจากงานเลย ชีวิตคืองาน ชีวิตของท่านมีค่า เวลาของท่านจะมีประโยชน์มาก ถ้าตีค่าชีวิตของท่านต่ำ เวลาท่านจะไม่มีประโยชน์เลย

อาตมาไม่ได้ว่างเลย ที่วัดเดี๋ยวนี้มีพระและฆราวาสอยู่ประจำประมาณ ๔๐๐ คน ก่อนจะมาบรรยายมีแพทย์มาจากสหรัฐอเมริกา เขาบินมาไกลแสนไกล เพื่อมาอยู่กรรมฐานกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นชาวพุทธ คาทอลิก คริสต์ อิสลาม สนใจธรรมะมาก แต่คนไทยสนใจแต่บุญ ชอบทัวร์บุญ ชอบหาเครื่องรางของขลัง แต่พลังในตัวไม่สนใจ

โครงการของอาตมาต้องการปลุกคนให้ตื่น เสกคนให้เป็นงาน พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ถ้าเรามีลูกหลาน ปลุกลูกให้ตื่นขึ้นมาอย่าประมาท และเสกลูกให้เป็นงาน มีวิชามีหลักฐาน มีงานทำ

อาตมาไปยุโรปมา ฝรั่งมาหาธรรมะ คนไทยมาหาบุญให้ช่วย ไม่ได้ช่วยตัวเองเลย บุญอยู่ตรงไหน บุญอยู่ที่วัดไหน บุญแปลว่าอะไร โยมติดตามฟังต่อไป

บุญแปลว่าความสุข ทุกคนอยากได้ความสุข ความสุขไปหาที่ไหน ไปให้พระช่วย ไปทัวร์บุญวัดโน้นวัดนี้ แล้วไปทานข้าววัดอัมพวัน เป่ายันต์บ้าง ลงเลขยันต์บ้าง ปั้นตัวเองบ้าง เดี๋ยวนี้เอาตะกรุดเข้าตัวแล้ว ไม่ได้ผลเลยนะ

เมื่อสองสามวันนี้ ตายไป ๓ ราย เอาตะกรุดฝังเข้าไป แล้วเป็นบาดทะยักตาย ไม่ทราบว่าไปทำมาจากวัดไหน พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้หรือ สกปรกผ่าเอาตะกรุดยัดเข้าไปแล้วเย็บ กันปืน เป่ายันต์เพื่อไม่ให้ตาย ให้อายุยืน อาตมาไม่เชื่อ

อายุจะยืนต้องมีการแผ่เมตตา ต้องการรวยก็บริจาคทาน ชีวิตของเราเป็นหลักฐาน มีงานทำ เป็นประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ถึงจะถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

เดี๋ยวนี้โง่กันมาก ไปหาบุญช่วยทั้งนั้น อาตมาได้ปัญญาที่วัด ถามโยมที่มาวัดว่า โยมมาทำไม เขาบอกว่ามาขอบุญ อาตมาบอกให้ไปฟังบนศาลา เดี๋ยวจะสอนเด็ก จะได้ไปเลี้ยงลูกรวย สวย เก่ง เขาบอก ไม่ฟังหรอกเจ้าค่ะ จะขอบุญสักหน่อย จะคอยอยู่ที่กุฏิ ก็จับได้เลยว่า คนไทยชอบทำบุญ ธรรมะไม่เอา ความสุขก็ไม่รู้แล้วจะไปเอาบุญช่วยได้ยังไง

บุญ คือความสุข ท่านต้องการไหม ชอบอายุยืน หรือชอบอายุสั้น ชอบสวย ชอบรวย ชอบดี ชอบมีปัญญาหรือไม่ มีลูกเล็ก ๆ ต้องการให้รวยสวยเก่งไหม ทำอย่างไรความสุขจึงจะเกิดมีขึ้นแก่เรา ต้องพูดให้มีความเข้าใจ ไม่ใช่ไปวัดทำบุญ โยมนั่งยังไม่ทันไรเลย ไปเรี่ยไรเขาอีกแล้ว บุญอยู่ตรงนี้หรือประการใด อาตมาจึงมีคติชีวิตที่แจ่มใสให้แก่ญาติโยม

ความสุขเกิดจากอะไร ขอเจริญพรว่า
๑. เกิดจากการทำใจให้สะอาด ทำให้ใจปกติ ทำใจให้สงบ ทำใจให้สบายมีอารมณ์ดี จะได้มีปัญญา ความสุขอยู่ตรงนี้
๒. เกิดจากความสงบ นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี ถ้าวุ่นวายจะไม่มีความสุขเลย คนเราจิตไม่สงบ จะเกิดความสุขไม่ได้เลย

คนที่มีทุกข์มาวัดมี ๕ ประเภท อาตมาจดเป็นตำราไว้เลย ประเมินผลทุกวัน เมื่อปี ๒๕๓๖ มีเรื่องอะไรมาก ปีนี้ก็เหมือนกัน ไม่รู้จักดำเนินงานแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด

อันดับที่ ๑ ครอบครัวไม่มีความสุข ครอบครัวทะเลาะกัน มามากเป็นอันดับหนึ่งของวัดอัมพวัน

อันดับ ๒ ผิดหวังในชีวิต เป็นโรคทันสมัยมาก (โรคประสาท)

อันดับ ๓ ลูกไม่เรียนหนังสือ เถียงพ่อเถียงแม่

อันดับ ๔ เศรษฐกิจไม่พอปากพอท้อง เป็นหนี้กันไม่พัก ไม่รู้จักจะใช้หนี้เขา แล้วไปหาให้พระช่วย

อันดับ ๕ มีแล้วไม่พอ ยังตะเกียกตะกายไปยากจน มีเงินเอาไปให้เขาหมด

อาตมาจดทุกวันว่ามามากน้อยเรื่องใด ขอเจริญพรโยมให้ประเมินผลชีวิตของเราแต่ละวันเวลา ว่าตัวเองอารมณ์มาก อารมณ์น้อย เป็นประการใด มันจะเป็นกฎแห่งกรรมที่เราจะได้ อะไรเกิดขึ้นในตัวเอง ในกิจประจำวัน

บางคนไม่รู้เลยนะ ทำงานตะพึด ผิด ถูกข้าไม่เข้าใจ เอาแต่ใจของตัวเอง เข้าข้างตัวเองตลอดเวลา ความถูกต้องจะหมดไป ความถูกใจจะเข้ามาแทนที่ สร้างความดีไม่ได้ จุดมุ่งหมายอยู่ตรงนี้ ฝรั่งยอมรับแล้ว แต่คนไทยไม่ยอมรับ คนไทยชอบบุญช่วย ไปให้คนอื่นช่วยตลอดรายการ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องการให้ช่วยตัวเอง (อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ)

จิตไม่สงบมีกี่ประการ อาตมาได้ของจริงที่วัด คือประเมินผล เป็นวิทยานิพนธ์ให้ชนรุ่นหลังได้เรียนต่อไปในวิธีการของชีวิต ไม่ใช่มาวัด สร้างวัดกันแล้วเป็นคนดีนะ อย่าไปสร้างวัตถุก่อน ต้องพัฒนาจิตคนก่อน ถ้าคนดีมีปัญญา วัตถุก็จะตามมา หลั่งไหลมาเอง มั่งมีศรีสุข ไม่มีทุกข์แต่ประการใด ตรงนี้น่าจะหาข้อเท็จจริง

แต่คนพุทธไม่เอา มีแต่ไปหาบุญ บางแห่งคนแก่รักษาอุโบสถ ไปนั่งที่วัดไปเฝ้าวัดเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์โสตถิผล ต้องพูดข้อเท็จจริงให้ฟัง ฝรั่งเชื่อ ฝรั่งฟัง แต่คนไทยไม่เอา

คนไทยแปลว่า ไม่เป็นขี้ข้าใคร ต้องสร้างตัวเอง ช่วยตัวเอง พึ่งตัวเอง เรียกว่า คนไทย คนไทยแปลว่า ยกย่องกัน ให้เกียรติกัน คนไทยเดี๋ยวนี้หมิ่นประมาทกัน ใครไม่ดีเหยียบลงไปเลย เหมือนข้าราชากรใครดีไม่ได้ ต้องโดนอิจฉาริษยา ตำแหน่งก็ไม่ได้ด้วยนะ ต้องขอพูดตรงไปตรงมา

จิตไม่สงบมี ๘ ประการ อาตมาหาเหตุได้คือ คนไม่มีศีล ขาดสติสัมปชัญญะ จิตจะไม่สงบ

๑. มีไม่พอ มีอย่างนี้แล้วไม่พออยากจะได้ต่อไป จิตของท่านจะไม่สงบ มีไม่พอ มันรู้สึกไม่สบาย ตะเกียกตะกาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ
๒. ใช้เวลาว่างเกินไป ถ้าคนไหนมีเวลาว่าง ไม่มีงานทำ จิตไม่สงบ คิดไปในทางต่ำ เหมือนจิตเป็นน้ำ จะไหลสู่ที่ต่ำเสมอ จะไม่มีความคิดดีมีปัญญาแต่ประการใด ถ้ามีงานทำ มันจะเพลินนะ จะไม่ประมาท จิตท่านจะสงบ ถ้า ถ้างานว่างจิตไม่สงบ เอาไปสอนลูกหลาน มีลูกอย่าให้ลูกอยู่ว่าง อย่าให้ห่างผู้ใหญ่ จะหลงทางได้ง่าย นี่คือเหตุผลข้อเท็จจริง ถ้ามีงานทำเสียแล้ว กิจกรรมก็จะดี จิตจะไม่ไหลไปสู่ที่ต่ำ มีความคิดดี มีปัญญาเกิดขึ้นด้วย
๓. ถูกเบียดเบียนจิตใจ ถ้าท่านอยู่ในวงแวดล้อมของคนเบียดเบียนนะ รับรองจะไม่มีความสงบเลย
๔. อวัยวะไม่ตั้งอยู่ด้วยความปกติ ธาตุใดธาตุหนึ่งขาดไป หรือจะยกตัวอย่างว่า ปวดอุจจาระ ปวดปัสสาวะจิตไม่ปกติ จิตไม่สงบ จะต้องไปห้องน้ำห้องสุขาก่อน
 ๕. โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ เป็นไข้ ความดันสูง ความดันต่ำ จิตจะสงบได้ไหม ถ้าท่านไม่ปฏิบัติธรรม หรือไม่มีสติสัมปชัญญะ จิตของท่านจะไม่สงบเลย
๖. สิ่งแวดล้อมดึงไปในทางชั่ว เราจะไปอยู่ที่ราชการถิ่นฐานใดก็ตาม ในวงของคนอันธพาล จะดึงเราไปในทางชั่ว จิตของท่านจะไม่สงบ ๗. .ครอบครัวไม่มีความสุข ทะเลาะกันทุกวัน สามีภรรยาไม่เข้าใจกัน ท่านจะไม่มีความสุข จิตจะไม่สงบแต่ประการใด
๘. มัวเมาอบายมุข หาความสนุกในสังคม ชอบช้อปปิ้งที่โน่นที่นี่ เสียเวลา เสียค่าของชีวิตเหลือเกิน

ขอฝากท่านไว้ ๘ ข้อนี่จิตไม่สงบ นี่คือธรรมะ ถ้าท่านเข้าในข้อใดข้อหนึ่งแล้ว ท่านจะไม่มีความสุขความสบายเลย จิตของท่านจะไม่สงบแต่ประการใด

นี่แหละหาความสุขก็ไม่ได้ หาความสงบก็ไม่มี ท่านจะไปแสวงบุญตรงไหนล่ะ จะไม่มีโอกาสช่วยท่านได้แต่ประการใด ขอเจริญพรอย่างนั้น

ต่อไปจะต้องใช้ธรรมะ คือความสุข เราท่านทั้งหลายชอบเป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น ชอบสวย แม้กระทั่งเด็กตัวนิดเดียว เขาชอบสวย ชอบรวย ชอบดี ชอบมีปัญญาด้วยกันทั้งนั้น แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าพ่อแม่ไม่รู้จักสอนเด็ก เด็กที่เสียมาจากพ่อแม่นะ อาตมาคำนวณได้หมดแล้ว เด็กไปที่วัดเยอะ

ถ้าท่านเป็นครูอาจารย์สอนนักเรียน นักเรียนดีหมดทุกคนหรือเปล่า บางคนเรียบร้อย ไปลามาไหว้ อ่อนน้อม ถ่อมตน ปากหวาน ตัวอ่อน มือเป็นหงอน ไม่เถียงพ่อแม่ ไม่เถียงครูอาจารย์

เด็กบางคนเถียงพ่อเถียงแม่ เถียงครูอาจารย์ มาจากไหน มาจากพ่อแม่ไม่ดี พ่อแม่ไม่สร้างความดีให้กับลูก ไม่ทำถูกให้กับหลาน รักลูกไม่ถูกวิธี ทำความไม่ดีให้ลูกดู ครูสอนเจ้าคะเจ้าขา นะคะ พอกลับไปบ้านพูดจาหยาบคาย มาจากสิ่งแวดล้อม พ่อแม่ไม่ดีนี่เอง เรื่องจริงอยู่ตรงนี้

พ่อแม่ไม่เคยดูแลลูกเลย ยกตัวอย่างที่เพชรบุรี พ่อเป็นอาจารย์ใหญ่ ซี.๗ แม่ก็เป็นอาจารย์ใหญ่ ซี.๗ อยู่คนละโรงเรียน มีลูกชาย ๓ คน เอาไปฝากน้องสาวเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ น้องสาวทำงานที่กระทรวงมหาดไทย เขาจะมีเวลาดูลูกให้หรือ ตีสี่ต้องออกไปทำงานแล้ว

ขอฝากท่านทั้งหลาย ท่านเป็นพ่อแม่เขา เป็นผู้นำลูก ต้องไปตามดูลูกด้วยนะ ไม่อย่างนั้นลูกเสียนะ เด็กเสียหายนี่ อาตมาไม่โทษเด็กเลยนะ โทษพ่อแม่ไม่ดี เลี้ยงลูกไม่โต ปลูกต้นโพธิ์ไม่ได้ร่ม

ยังมีตัวอย่างอีก รองศาสตราจารย์ที่จุฬาฯ มีลูก ๕ คน ติดยาเสพติดไป ๓ คนแล้ว พ่อแม่เป็นใหญ่เป็นโต เป็นถึงรองศาสตราจารย์ เป็น ดร. ด้วย มันมาจากตรงไหน

ขอเจริญพรว่า ขาดหลักพระศาสนา ขาดการสวดมนต์ไหว้พระนี่เอง ขาดการปฏิบัติในหน้าที่ ศีลไม่มี ความปรกติในชีวิตเขาจะไม่มีเลย จิตจะสงบหรือไม่สงบนั้น อยู่ที่ตัวโยมทุกคน ศีล สมาธิ ปัญญา ที่พระพุทธเจ้าสอนมาเท่านั้น พระพุทธเจ้าสอนให้มีศีลประจำกับที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เราก็มีศีลอยู่แล้ว ถ้าไม่มีศีลแล้วโยมเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้ เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก มนุษย์เกิดขึ้น ๑ คน สัตว์เดรัจฉานเกิดขึ้น ๑ ล้านตัว

ศีล นี้ไม่ได้หมายความว่าต้องไปรับกับพระวัดโน้นวัดนี้แต่ประการใด ท่านมี สติ ไหม หนึ่งนาที ห้านาทีของท่าน ท่านมี สติควบคุมจิต บ้างไหม มี สัมปชัญญะ รู้ตัว รู้นอก รู้ใน รู้จิต รู้ใจ รู้สิ่งที่มีประโยชน์ รู้กาลเทศะ กิจจะลักษณะ รู้บาป รู้บุญ รู้คุณ รู้โทษ รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่ประการใด ตรงนี้คือ ศีล

คนมี สติสัมปชัญญะ จะมีสติ จะมีแต่ปัญญา แก้ไขปัญหาได้ บางคนไม่สนใจ สนใจแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ไปสนใจคนอื่นทำไม

สติตัวเดียว ท่านระลึกได้ไหม ที่นั่งกรรมฐานกัน สวดมนต์ ไหว้พระ ทำให้มีสติสัมปชัญญะ เป็นประโยชน์ เหลือเกิน ใครมีบุญวาสนามาเอง ที่วัดเดี๋ยวนี้มี ๓๐๐ กว่าคน เมื่อเช้า แคทอลิก ออกไปแล้ว ๘ คน มาจาก อเมริกา ไม่ใช่ว่าจะให้แคทอลิกมาเป็นพุทธ แต่เขาต้องการมาปฏิบัติธรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า มีประโยชน์แก่เขามิใช่น้อย

เมื่อวันวาน อิสลาม จาก สหรัฐอเมริกา ก็ออกจากกรรมฐานไป ๓ คนมาจากรัฐลอสแอนเจลลิส บัดนี้ไปตั้งร้านขายของ ขายดิบขายดี มั่งมีศรีสุข ตลอดเวลากาล

เราจะไปเอาคาถาเวทมนตร์ ดลบันดาลที่ไหนเล่า ไม่มีเลยนะ มีแต่สติสัมปชัญญะ รำลึกก่อน ปากอย่าไว ใจอย่าเบา เรื่องเก่าอย่ามารื้อฟื้น เรื่องของคนอื่น อย่านำมาคิด กิจที่ชอบทำให้เสร็จไป อยู่กับปัจจุบัน อนาคตอย่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะผิดหวังจะเสียใจตลอดชีวิต ปัจจุบันตรงนี้ซิเป็นของเราแน่ อดีตหรือมันก็ผ่านพ้นไปแล้ว จะไปรื้อฟื้นมันทำไมเล่า

เรื่องของคนอื่นเอามาคิดทำไม คิดเรื่องของตัวเองว่า วันนี้จะทำอะไรกัน จะต้องทำให้เสร็จอะไรบ้าง อนาคตอยู่อีกยาวนาน วันพรุ่งนี้ เดือนหน้าต่อไปจะอยู่ถึงหรือเปล่า จะไปรำพึงรำพันให้เสียสมอง ให้สมองฝ่อ จิตตกทำไมเล่า เดี๋ยวพระอาทิตย์ก็เลี้ยวลัดอัศดงหมดไป ๑ วันแล้ว ท่านจะได้อะไรหรือ

ชีวิตนี้คืออะไรกันแน่ ถ้าท่านทั้งหลายมีสติสัมปชัญญะดีแล้ว ท่านจะรู้ว่า ชีวิตท่านมีค่า เวลาของท่านจะมีประโยชน์มาก พระพุทธเจ้าสอนนักสอนหนาว่า หนุ่มสาวอย่าเที่ยว หนุ่มสาวหาหลักฐาน หาวิชาการใส่ตัว หางานทำให้ได้ มีประเทศไทยประเทศเดียว ที่มีการศึกษานอกโรงเรียน อาตมาไปต่างประเทศ ๑๕ ประเทศแล้ว ไม่มีการศึกษานอกโรงเรียนเลย

อาตมาไปเห็น ตัวโตแล้วมานั่งเรียน ตอนเด็กมัวแต่ไปเที่ยว เพื่อนเขามีงานทำแล้ว ก็เสียใจตัวเองมัวแต่ไปเที่ยว จึงได้มาเรียนการศึกษานอกโรงเรียน

อาตมาไปสิงคโปร์ ก็ไม่มีการศึกษานอกโรงเรียน เหตุที่ไปเพราะ แม่ชีซูง้อ แซ่เอ็ง นิมนต์ไป เมื่อก่อนเขาทำงานธนาคาร มีเพื่อนมากมาย ได้เงินเดือนหลายหมื่น ด้วยอำนาจผีบอกให้มาบวชชีที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ประเทศไทย อาตมาชื่นใจที่ผีรู้จัก เขาก็ขออนุญาตพ่อแม่มาบวชชีที่วัดอัมพวัน

ซูง้อ อ่านหนังสือไทยไม่ได้ พูดไทยไม่ได้ด้วย อยู่ได้ ๓ ปี เขียนหนังสือไทยเก่ง อ่านออกโดยไม่ต้องเรียน เดี๋ยวนี้สอนแทนอาตมาได้แล้ว สามารถนั่งกรรมฐานรู้เหตุการณ์ในชีวิตของเขาได้ดีด้วย

มีคนไต้หวันมา พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องใช้ภาษาจีนกลาง พวกมาเลเซียมา ซูง้อก็พูดภาษามาเลย์ได้ด้วย พูดจีนแคะ ฮกเกี้ยน กวางตุ้งได้ สมาธิภาวนา อย่างเดียว ทำให้เขามีความสนใจศึกษาด้วยตนเอง

ขอเจริญพรทุกคนว่า เรามีปัญญามาด้วยกันทุกคน ปัญญาวิชาการนี้ช่วยตัวเอง ไม่ได้เรื่องแก้ปัญหา แต่วิชาการที่เราเรียนมาต้องทำงาน แต่ถ้าพุทโธโลยีไม่มี แก้ไขปัญหาไม่ได้นะ คือ ต้องให้คู่กันไป

พระพุทธเจ้าจึงสอนว่า หน้าที่ทางพระพุทธศาสนาที่เราเป็นชาวพุทธ มี ๒ ประการ คือ

. คันถธุระ ภาคทฤษฎีวิชาการต้องบังคับให้เรียน

.วิปัสสนาธุระ เรียนภาคทฤษฎี แล้วต้องฝึกภาคปฏิบัติด้วย

มีเท่านี้เองนะ อย่าไปล่ามป้ามเครื่องรางของขลัง เป็นเพียงที่ระลึก ในการสร้างความดีในจิตใจ มีพระประจำกายแล้ว ก็มีพระประจำใจ มีทั้งนอกมีทั้งใน จะมีประโยชน์มาก

พระพุทธเจ้าสอนเชิงปฏิบัติการ คือต้องมี

๑. กิจกรรม (ปริยัติ)

๒. พฤติกรรม (ปฏิบัติ)

๓. พฤตินัย (ปฏิเวธ)

ออกมา ๓ ระบบแบบแผนของการศึกษาพระพุทธศาสนา

กิจกรรม คือ การเรียนรู้ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ถ้าไม่เรียนไม่ได้ โยมโปรดฟังข้อคิดดังต่อไปนี้

ไม่ยอมเรียนหรือจะรู้   ไม่ยอมดูหรือจะเห็น
ไม่ยอมฟังหรือจะได้ยิน   ไม่ยอมทำหรือจะเป็น
จะลำเค็ญย่ำแย่จนแก่ตาย

ตายเท่งทึง ตายไม่ดี ตายไม่มีวิชาความรู้แต่ประการใด ขอเจริญพรต่อไปว่า มีลูกมีหลานสอนให้

รวยสวยเก่ง  เร่งก้าวหน้า  กล้าประหยัด  ไม่ขัดพวกพรรค
รักษาความสะอาด  ฉลาดรอบคอบ  ชอบระวัง  ตั้งใจตรง
ทรงศีลธรรม  นำทางให้ถูก  ปลูกสติ  ดำริชอบ
ประกอบกุศล  ได้ผลอนันต์เป็นหลักฐานสำคัญ
ออกมาเป็นผลงานอย่างนี้เป็นต้น

เมื่อได้เช่นนี้แล้วก็ต้องปฏิบัติการ ปฏิบัติธรรม มีสติสัมปชัญญะ ปฏิบัติตามกิจกรรม

อาตมาตีความหมายของ กิจกรรม ให้นักศึกษาฟังว่า กิจกรรมคือ

. สิ่งที่ต้องศึกษา แสวงหาความรู้ใส่ตัวไว้ ถ้าลูกเราได้ปริญญาตรี ปริญญาโท หรือปริญาเอก มีหลักฐาน มีงานทำ บ้านจะเป็นมหานิยม ทำให้หมู่ชน ทั้งหลายมานิยมชมชอบ ถ้าขาดความรู้ติดตนแล้ว ไม่มีใครมามอง ไม่มีใครมาสนใจ

.ละความชั่ว คือ ละสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความดี อย่าไปทำนะ

คบคนพาลได้ผิด   คบบัณฑิตได้ผล
คบคนชั่วทำตัวให้อับจน   คบคนดีให้ได้ผลจนวันตาย
เมาเพศหมดค่า   เมาสุราหมดความสำคัญ
เมาการพนันหมดตัว   เมาเพื่อนชั่วหมดดี

ขอฝากไว้ด้วยนะ นี่คือกิจกรรม ข้อ ๒

. สิ่งที่ทำให้แจ้งถึงใจ เจริญสมาธิภาวนา อ่านหนังสือ สวดมนต์ไหว้พระ สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสสนาคือยากิน ทำให้แจ้งถึงใจ

ถ้าท่านทำไม่แจ้ง ถึงใจแล้ว จะแก้ปัญหาไม่ได้ เลยอบายก็มาสู่จิตใจ มีแต่ความกลุ้มอกกลุ้มใจตลอดรายการ

แจ้งถึงใจน่ะคิดก่อน ทำอะไรมีสติก่อน พิจารณาตนเสียก่อน โยนิโสมนสิการ ต้องฟังพิจารณาโดยปัญญาก่อน จะเกิดประโยชน์มิใช่น้อย

กิจกรรมข้อ ๓ ที่เราได้มือ ๒ เท้า ๒สมองหนึ่ง เป็นที่พึ่งมาจากพ่อแม่แล้ว ต้องพัฒนา ต้องมีความขยันหมั่นเพียร พากเพียรขวนขวาย กระทำกิจ ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองในครอบครัวต่อไป

พฤติกรรม แสดงออกให้คนอื่นเขาเห็น จะยืน เดิน นั่ง นอน เหลียวซ้าย แลขวา คู้เหยียด เหยียดขา มีสติสัมปชัญญะไว้ เป็นการแสดงออก เดินมาก็รู้แล้ว คนนี้เป็นคนดี นิสัยดี เป็นต้น

อาตมาจึงได้สอนกรรมฐานว่า ยืนหนอ ๕ ครั้ง ตจปัญจกกรรมฐาน โยมผู้ชายเคยบวช อุปัชฌาย์จะให้เลยว่า เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา ก็ยืนหนอ ๕ ครั้ง ยืนได้ ๕ ครั้ง จิตมีสติแล้ว เราเห็นคนเดินมา ดูผม ดูปลายเท้า ดูปลายเท้า ดูผม สติเราส่งกระแสจิตตรงโหงวเฮ้งส่งปั๊บ จะเห็นออกมา ๓ ภาพ

ภาพที่ ๑ ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย แต่งตัวแบบนี้เป็นใคร แต่งตัวแบบนี้จะไปไหนกัน

ภาพที่ ๒ แสดงออก คนนี้เป็นโรคมะเร็ง คนนี้ต้องตาย

ภาพที่ ๓ นิสัยไม่ดี อย่าคบค้าสมาคมคนนี้อีกต่อไป เดินยิ้มเข้ามาแล้ว สติเราบอกว่า เป็นมิตรตอนกู้ เป็นศัตรูตอนทวง อย่าให้กู้เงินนะ โกงแน่

นี่คือธรรมะ ได้ความแน่แล้ว ยืนหนอ ๕ ครั้ง ทำให้ได้นะ นี่แหละ พฤติกรรม เป็น พฤตินัย ที่แสดงเหตุผลให้แก่ตนอย่างชัดเจนแล้ว

ขอสรุปผลงานของการสร้างความดีในชีวิต คือ มีศีล สมาธิ ปัญญา หมั่นสวดมนต์ไหว้พระไว้ ดูคนดูหน้าชัดเจนแล้ว

วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าทำอย่างไร ญาติโยมที่เคยนั่งกรรมฐาน จะรู้ได้ เกิดปัญญาขึ้นมา ตัวเองจะแก้อย่างไร เราต้องรู้ว่า พัฒนาจิตก่อน จิตนี้เป็นธรรมชาติ ต้องคิดก่อนอารมณ์ รับรู้อารมณ์ไว้ได้เหมือนเทปบันทึกเสียง

จิตเกิดทางตา ตามีทรัพย์ไหม ตาดูเป็นไหม เราก็ตั้งสติไว้ที่ตา เท่านี้เอง

หูได้ยินเสียง ตั้งสติไว้ที่หู เขาด่า เราตั้งสติไว้ คำด่าอย่าไปรับ มาไว้ในสมองให้มันฝ่อ คำด่าจะกลับไปหาเขาเอง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ที่หูนี่

และปากนี่ไปไหนอย่าเอาไปนะ ตั้งสติก่อนจะพูด ตาดู หูฟัง ปากนิ่ง เพราะปากพูดแล้วมันเสียนะ ตา หู เป็นครูใหญ่ ตาดู หูฟัง ปากนิ่ง ตีนรีบวิ่ง มือทำแต่ความดี มีปัญญา มีหลักฐานที่จะต้องชี้แจงแสดงกันต่อไป มีเหตุผลหลายประการ ขอฝากไว้ในวันนี้ด้วย นี่คือวิธีแก้

อาตมาสอนเด็ก เวลาครูสอนอาจารย์สอน ให้ส่งกระแสจิตทางหน้าผาก จุดประสาทอยู่ตรงนี้ เพ่งไปเลยดูที่ครูสอน จำแม่นไม่ลืม ไม่เสียสมาธิด้วย

โหงวเฮ้งอยู่ตรงหน้าผากนะ ใครมีสมาธิดูหน้าคนจะรู้เลย จะขึ้นหรือไม่ขึ้น รวยหรือไม่รวย เจ๊ง หรือ ไม่ เจ๊ง มันจะบอกที่หน้าผาก

คนมีบุญวาสนามันอยู่ที่หน้าผาก ไม่ใช่หน้าผากกว้างหรือแคบนะ หน้าผากจะมีแสง มีรัศมีนะ

เวลากลุ้มใจ เสียใจมาก จะแก้ตรงไหน เวลากลุ้มใจ เสียใจ โกรธ อารมณ์ค้าง เดี๋ยวงานเสียหมด แก้ตรงไหน ติดตามฟัง ณ บัดนี้

หัวขั้วแบตเตอรี่ ที่ลิ้นปี่นี่ ถ้าอยากรู้ว่าลิ้นปี่ของตัวเองอยู่ตรงไหน เอาเชือกมาวัดตั้งแต่จมูกถึงสะดือแล้วพับครึ่ง จะอยู่กึ่งกลางพอดีทุกคน

ตอนอาตมาคอหักพับลงไปเลย หายใจทางสะดือได้ มันมีความรู้สึก ที่เราพูดออกมาได้คือลิ้นปี่นี่เอง

ถ้าเราโกรธ เราไม่สบายใจ อย่าไปฝากความกลุ้มค้างคืนไว้ อารมณ์ค้างนะโยม นะ เช้าขึ้นมาทำงานจะเสียนะ ต้องตัดปัญหาไปตอนนี้เลย

หายใจยาวๆ แล้ว กำหนดตรงลิ้นปี่ว่า โกรธหนอ โกรธหนอ โกรธหนอ หายใจยาวๆ อย่าหายใจสั้น คนหายใจสั้นนี้ไม่มีพลังนะ คนโกรธง่าย ฉุนเฉียวง่ายนี่ หายใจสั้นนะ และโมโหเก่งด้วย ถ้าโยมโมโหเก่ง หายใจยาวๆ เข้าไว้เสมอ รับรองหายโกรธเดี๋ยวนี้ กำหนดตรงลิ้นปี่นะ โยมเห็นเครื่องโรงสีไหม เครื่องโรงสีที่ชักยาวจะสีข้าวได้มาก ไซเกิลสั้นๆ ไม่มีพลัง

ต้องหายใจยาวๆ ช้าๆ อารมณ์จะเย็นลง ใจจะสบาย จะได้แก้ปัญหา ข้อนี้ไปบ้าง กำหนด เสียใจหนอๆๆ หายใจยาวๆ เสียใจหนอร้อยครั้งพันครั้ง ความเสียใจจะหายไปเลย ดีใจเข้ามาแทนที่ สร้างความดีต่อไป ความร้ายออกไป ความดีเข้ามาแทนที่ อยู่ตรงนี้

โกรธแล้วไม่กำหนด ฝากความโกรธไว้ในจิตใจ ตายไปลงนรกนะ ต้องแก้ต้องตัดปัญหาเดี่ยวนี้เลย โกรธหนอๆๆ ที่ลิ้นปี่ ชาร์ตไฟเข้าหม้อแบตเตอรี่ อยู่ตรงลิ้นปี่นะ เดี๋ยวไปเสียบขั้วแบตเตอรี่ผิด แล้วไฟหมดหม้อไปแล้วอารมณ์ค้างนะ ถ้าหม้อแบตเตอรี่เก็บไฟไม่อยู่ เหมือนรถเวลาจะต้องแล่นต้องเข็นทุกครั้ง ก็แย่มากนะ

อาตมามาสอนเด็กได้ผล กำลังเรียนหนังสือ ส่งกระแสจิตตรงหน้าผาก เสียใจปลูกสติตรงลิ้นปี่ หายใจยาวๆไว้ อาตมาไปได้ตำรามาจากเมืองจีน ตำราดูลมหายใจ คนโลภมากหายใจอย่างนี้ คนโกรธจัดกลิ่นตัวเหม็นอย่างนี้ และหายใจอย่างนี้ จะไม่ผิดเลยนะ คนมีโมหะ ไม่ฟังใครเลย ไม่มองหน้าใครเลย เอาแต่ใจตัว หายใจแบบนี้

หายใจยาวๆ แก้ได้ทุกประการ ถ้าคนโมโห หายใจยาวๆ แล้วสวดมนต์ อิติปิ โส ภควา…แล้วจะดีขึ้นมาได้ ยกตัวอย่างให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง

มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งเป็นสาว ยังไม่มีครอบครัว รับราชการเป็น ซี.๗ กลิ่นตัวเหม็นมาก รูปร่างสวย รวยด้วย แต่ทำไมกลิ่นเหม็น เขามากราบบอกให้ทราบว่า “หลวงพ่อคะ หนูไม่ทราบเป็นอย่างไร กลิ่นตัวแก้ไม่หาย”

อาตมารู้แล้ว แต่บอกไปเขาจะเชื่อเราหรือ เขาหายใจสะอึก สั้นๆ ยาวๆ แบบนี้โมโหร้าย อิจฉาเก่ง แต่เรารู้ตัวแล้ว เราจะสอนเขาไม่ได้นะโยมนะ ไปเปลี่ยนนิสัยคนไม่ได้ ต้องให้เขาเปลี่ยนเอง เปลี่ยนนิสัยคน เจ้าตัวต้องเป็นผู้เปลี่ยนเอง เป็น ปจฺจตฺต เวทิตพฺโพ วิญญูหิ รู้ด้วยตนเอง คนอื่นอย่าไปรู้ของเขา

ถ้าจะไปบอกเขาว่า โยมมีกลิ่นตัวเหม็นนี้ เพราะชอบอิจฉาเขา เขาก็จะมาตบเราเข้า ให้เขามาพิสูจน์เอง จึงบอกว่า ลาพักร้อนมาสัก ๑๐ วัน มาเจริญกรรมฐานวัดอัมพวัน เขาก็มา

นั่งกรรมฐานไปได้สัก ๔ วัน เขาก็มากราบบอกให้ทราบ ร้องไห้โฮเลย บอกว่า หลวงพ่อขา หนูเสียใจมาก หนูไม่ไดบอกหลวงพ่อตั้งแต่ครั้งแรก แต่อาตมารู้แล้ว

เขามาบอกว่า “หลวงพ่อคะ หนูไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ หนูไปอยู่กับคนอื่น เรียนหนังสืออยู่กับคนอื่น แม่กับหนูเหมือนขมิ้นกับปูน พูดกันไม่เกิน ๕ นาที ต้องด่ากัน เป็นศัตรูกัน” นี่เห็นไหม กลิ่นตัวถึงเหม็นอย่างนี้

พ่อเขาก็เป็นจีนนอก แม่ก็เป็นจีนนอก แต่ลูกพูดจีนไม่ได้ คนจีนนี่ก็แปลกนะ ขอพูดหน่อยจริงเท็จอย่างไรประการใดอย่าว่ากัน ไม่ค่อยชอบลูกผู้หญิง เขาชอบลูกผู้ชาย มีลูกชาย ๓ คน ดูแลอุ้มชูอย่างดี ลูกผู้หญิงเกลียด ไม่รู้เรื่องอะไรกัน

เขาไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ และแม่เกลียดลูกผู้หญิงนัก เห็นหน้ากันก็ด่า และลูกก็ด่าตอบมั่ง ไม่ได้รักพ่อแม่เลย คนอื่นเขาอุปการะเรียนจบมหาวิทยาลัย ได้ปริญญาโท และรับราชการเป็น ซี ๗

เขามานั่งกรรมฐาน หายใจยาวๆ กำหนดได้ร้องไห้เลย บอกว่า .. “หลวงพ่อคะ หนูเสียใจที่ด่าแม่ แม่เกลียดหนูเหลือเกิน แม่ไม่อยากเลี้ยงลูกสาว หนูก็ด่าแม่ ไปดูเพื่อน พ่อแม่เขาก็รักลูกเหลือเกิน แต่ทำไมแม่ด่าหนูทุกวัน หนูก็เสียใจ”

มานั่งกรรมฐานก็เกิดคุณสมบัติ กลับไปก็นำเทียนแพไปขอขมากายกรรม วจีกรรม มโนกรรม แก่พ่อแม่เขา อาตมาให้ไปทั้งชุด รวมทั้งพานด้วย พ่อแม่เขา เป็นคนจีนก็มีรู้เรื่องหรอก อยู่ต่อมาอีก ๕ เดือน เตี่ยตาย ไม่อย่างนั้นก็เป็น เวรกรรมติดตัวไปอีก เพราะไปด่าเตี่ยด้วย

ตั้งแต่กราบขอขมาลาโทษ แล้วส่งเงินเดือนให้แม่ และแผ่เมตตาให้แม่ ตั้งแต่นั้นมาแม่ไม่เคยด่าลูกเลย และตัวเองก็ได้เลื่อน เป็น ผู้อำนวยการ ซี ๘ กลิ่นตัวก็หาย แต่เวลามีเหงื่อก็เหม็นเหมือนกันนะ ที่วัดเป็นพยานกันเยอะ

เขาเคยหายใจสะอึก ตื้นตัน หายใจสั้น เดี๋ยวนี้ไม่เป็นแล้ว หายใจยาวๆ พาแม่มาวัด มาทำบุญ มานั่งกรรมฐาน แม่เลยรักลูกสาวดีขึ้น และเขาก็บอกว่า สวดมนต์ตามหนังสือของหลวงพ่อทุกวัน แม่ของเขาก็สวด เป็นบดสวด พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา

บทสวดมนต์นี้ อาตมานำมาพิมพ์ให้เด็กสวด เด็กไม่เคยสอบตก มีแพทย์มาจาก อเมริกา ๔ – ๕ คน บอกว่า ลูกสอบชิงทุนที่สหรัฐอเมริกาได้ เขามาขอไปอีกหลายเล่ม และ ดร.ศรีปริญญา เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัย ในอเมริกาเป็นมะเร็ง ต้องเอาไส้ออกมาข้างนอก ก็สวดบทนี้ และนั่งกรรมฐานด้วย บัดนี้เอาไส้เข้าข้างในได้แล้ว

อาตมาไปยุโรป ๕ ประเทศ แผ่เมตตาก่อนไป ไปเข้าฝัน ลูกสาวบ้านญวน สอนสติปัฏฐาน ๔ จะเล่าประวัติให้ฟังว่า

ซูซาน หนีภัยจากเวียดนามไปกรุงปารีส เมื่อเร็วๆนี้ ที่ผ่านมานี้ เป็นโรคมะเร็งก้อนใหญ่ที่มดลูก ศาสตราจารย์นายแพทย์ที่ กรุงปารีสบอกว่า ถ้าไม่ผ่าก็ตายไว ถ้าผ่าแล้วก็อยู่ไปอีก ๒- ๓ ปี เลยซูซานก็ไม่ผ่า และเข้ามาประเทศไทย

สามีของเขาเป็นคนไทย ชื่อนิพนธ์ เป็นทนายความที่กรุงปารีส สำเร็จกฎหมายจากกรุงปารีส พาภรรยาไปตรวจที่โรงพยาบาลรามา โรงพยาบาลศิริราช ทุกโรงพยาบาลบอกต้องผ่าทั้งนั้น ไม่มีทางรอด ผลสุดท้ายก็มาที่วัดอัมพวัน

อาตมาเคยไปที่บ้านสามีภรรยาคู่นี้ที่ฝรั่งเศส คุณนิพนธ์ ก็มานั่งกรรมฐาน ๓ วัน ซูซานก็สวดมนต์บทนั้น สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ สวดพาหุงมหากา แล้วสวดพุทธคุณเท่าอายุเกินหนึ่ง แปลเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็สวดตามนั้น เขาก็สวดเรื่อยๆ ไม่ได้คิดอะไร

ต่อมาเขาก็มาถามอาตมาว่า จะผ่าที่ศิริราช หรือที่รามาดี อาตมาก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกันซูซานเอ๋ย ไปผ่าที่กรุงปารีสเถอะ ลูกก็อยู่ที่กรุงปารีส บ้านก็อยู่ที่กรุงปารีส ไปผ่ากับศาสตราจารย์นายแพทย์ที่ตรวจพบนั่นแหละ

เขาก็กลับไปกรุงปารีส อาตมารับแขกอยู่ที่วัดอัมพวัน ก็พูดกับพระธีรวัฒน์ พระธงชัยว่า คิดถึงซูซานนะ ผ่าหรือยัง ตายหรือยังอยู่

พอคิดเท่านั้นนะโยมนะ โทรศัพท์กริ๊งมาจากกรุงปารีสเลย รับโทรศัพท์ คุณนิพนธ์ก็บอกว่า ภรรยาของผมจะไปผ่าตัดกับศาสตราจารย์ ที่ตรวจให้ตามที่ หลวงพ่อแนะนำ ก่อนผ่าก็ตรวจอุลตร้าซาวน์ใหม่ ก้อนเนื้อในท้องไม่มีแล้ว หมอบอกว่า ที่เมืองไทยหมอเก่งหรือนี่ ไม่ต้องผ่า ก้อนในท้องหายไปได้อย่างไร

คุณนิพนธ์บอกว่า “กรรมฐานๆ” ฝรั่งบอก “โอเค กลับบ้านได้” เขาไม่สงสัย

ถ้าเป็นคนไทย บอกว่า กรรมฐานจะต้องต่อว่า ฐานอะไรล่ะ เป็นอันว่า หายไปแล้ว

มันน่าอัศจรรย์ดลบันดาล สวดมนต์นี่ ถ้าใครอยากได้ก็มาขอรับไป ใครไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร เอาไปให้ลูกหลานสวดมนต์ไหว้พระ ถ้าโยมกลุ้มใจ ขายของไม่ดี หรือจะเลื่อนตำแหน่ง หรือจะไปสอบถามอะไรก็ตาม สวดตามนี้ เท่าอายุเกิน ๑ ตามคำอธิบายในนี้ ได้ผลแน่ๆ

มี ผู้ตรวจราชการท้องถิ่น อยู่สระบุรี บอกว่า หลวงพ่อครับ ผมจะสอบนายอำเภอ ถ้าไม่ได้คราวนี้ ผมก็ไม่ได้สอบแล้ว อายุเกิน ก็เลยบอกว่าให้มานั่งกรรมฐาน เอาหนังสือนี่ไปสวด กำหนดคิดหนอตรงลิ้นปี่ แล้วเขียนไปเรื่อยๆ ปรากฏว่าสอบได้ เดี๋ยวนี้บรรจุ เป็นนายอำเภอ ไปแล้ว

สุดท้ายนี้อาตมาขอเชิญชวนทุกท่าน สวดมนต์ ไหว้พระ เป็นยาทา วิปัสสนาเป็นยากิน ทั้งกินทั้งทา ท่านจะมีความสุขสบาย มากมายหลายประการ มีความสุขถึงลูกถึงหลานของท่านทั้งหลาย จะทำกิจการอะไรก็สำเร็จ เสร็จทันเวลาทุกประการ

ขออนุโมทนาสาธุการส่วนกุศล ที่ได้ฟังคำชี้แจงแสดงบรรยายของอาตมาในวันนี้ ด้วยการของพระศาสนาที่จะช่วยชีวิตได้ ช่วยตนเองได้ พึ่งตนเองได้ สอนตัวเองได้ สมความปรารถนาทุกประการ

ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านผู้อำนวยการ โรงพยาบาลอุทัยธานี ที่อนุมัติให้เราท่านทั้งหลายได้ฟังธรรมกัน ได้มีความสุข ความเจริญรุ่งเรืองในโรงพยาบาลสืบไป

และขอทุกท่านจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนาม ณ โอกาส บัดนี้เทอญ

ขอเจริญพรทุกๆ ท่าน