เมื่อหลวงพ่อไปเยี่ยมนายพลลี

โดย ฉวีวรรณ ชัยศิริ

(ผู้เขียนเรื่องนี้ เคยเขียนเรื่อง นิมิตของลูกสาวนายพลลี ลงในกฎแห่งกรรมฯ เล่ม ๕ เรื่องนี้เขียนตามคำขอของผู้อ่าน ผู้สนใจทราบรายละเอียดเพิ่มเติม)

สำรับข้าพเจ้าแล้ว หลวงพ่อเปรียบเสมือนพ่ออีกองค์หนึ่งของข้าพเจ้า ครั้งใดที่ความทุกข์ความไม่สบายใจประดังกันเข้ามาเหมือนกองไฟที่คอบเผาผลาญจิตใจ แต่ทว่าจะค่อย ๆ สงบลงด้วยคำสั่งสอน ของหลวงพ่อที่เตือนให้สติตลอดเวลาทุกขณะจิต หลวงพ่อจะเน้นที่คำว่า สติ, สติพร้อมทั้งให้แผ่เมตตา ต่อผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อเรา เขาเอาไฟยื่นให้เราจับ หากเราขาดสติยื่นมือไปจับไฟนั้นจะทำให้เราเจ็บปวดมาก เรามีสติ เราจะเอาน้ำราดไฟนั้นให้ดับสนิท เราจะไม่เจ็บปวดเลย

เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๓๔ หลวงพ่อได้เมตตาไปเยี่ยมครอบครัวข้าพเจ้าที่เชียงใหม่ เมื่อทราบว่าหลวงพ่อจะไปที่บ้าน ทุก ๆ คนดีใจ โดยเฉพาะคุณพ่อที่เกิดความปีติยิ่ง ท่านจำได้เสมอว่า หลังจากที่บ้านถูกวางระเบิดนั้น หลวงพ่อได้กรุณาไปเยี่ยมด้วยความห่วงใย ไม่เคยทอดทิ้ง คอยถามข่าวคราวเสมอ การสนทนาระหว่างหลวงพ่อกับคุณพ่อนั้น ข้าพเจ้าเป็นล่ามแปล เพราะคุณพ่อพูดภาษาไทยไม่ได้ ท่านพูดได้แต่ภาษาจีนยูนนาน ซึ่งคล้ายกับภาษาจีนกลาง

มีอยู่ตอนหนึ่งของการสนทนา คุณพ่อได้เอ่ยฝากฝังกลุ่มคนของคุณพ่อกับหลวงพ่อ ข้าพเจ้าอดสะท้อนใจไม่ได้จนร้องไห้ ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ว่าจะคนฮ่อ หรือคนไทย เมื่ออยู่บนผืนแผ่นดินนี้ ไม่มีแบ่งเขา แบ่งเรา ต่างเปรียบเสมือนพี่น้องกัน โยมได้ทำหน้าที่ตลอด จนรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดแล้ว นอกจากนั้นยังได้มีส่วนต่อสู้ปกป้องผืนแผ่นดินไทยนี้ให้พ้นภัยจากผู้ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ พวกโยมปิดทองหลังพระมาตลอด ทว่าวันหนึ่ง พี่น้องประชาชนคนไทยจะต้องรู้เรื่องนี้

คณะที่ติดตามหลวงพ่อในครั้งนั้นไปจากลพบุรี มีคุณแม่ อุ่นเรือน นันทพงษ์ คุณเบญจพร นันทพงษ์ จากกรุงเทพฯ มีคุณมยุรี คูเกษมกิจ คุณยุพิน แก้วมณี คุณประคอง มาหาจากเชียงใหม่ มีคุณจินตนา นิมากร (ข้าพเจ้าได้เขียนถึงเธอ ในกฎแห่งกรรม เล่มที่ ๕) คุณรุ่งเรือง เสือโต ทุกท่านที่ได้เอ่ยนามมานี้ เป็น กัลยาณมิตร ที่ดียิ่ง เป็นเพื่อนทางธรรมะช่วยเหลือ โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความจริงใจที่ให้แก่กัน

วันที่ ๒ หลวงพ่อและคณะได้กรุณาไปเยี่ยมหมู่บ้านชาวไทยยูนนาน (ฮ่อ) ที่หมู่บ้านบ้านใหม่-หนองบัว และหมู่บ้านถ้ำง้อบ กิ่ง อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ที่หมู่บ้านบ้านใหม่หนองบัว ได้มีหัวหน้าหมู่บ้าน และกรรมการหมู่บ้านให้การต้อนรับ ที่หมู่บ้านถ้ำง้อบ หัวหน้าหมู่บ้านถ้ำง้อบ ตลอดจนหัวหน้าหมู่บ้านสินชัย และหัวหน้าหมู่บ้านผาแดง มาให้การต้อนรับ อนุสรณ์สถานคือสถานที่แห่งแรก ที่พี่สาว (คุณภรณี ชัยศิริ) และข้าพเจ้าพาคณะไปเยี่ยมชม ณ ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เก็บรวมชื่อทหาร ของนายพลสีที่ได้เสียชีวิตเมื่อครั้งต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ ระหว่างเดินทัพออกจากประเทศจีน จนถึงรายชื่อทหารที่เสียชีวิตเมื่อต่อสู้กับ ผ.ก.ค. ดอยยาว ดอยผาหม่น และที่ดอยผาตั้ง กิ่ง อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย และที่เขาค้อ เขาหญ้า จ.เพชรบูรณ์ มีรายชื่อทั้งหมดกว่าพันคน หลวงพ่อให้พวกเราสวดมนต์พร้อมทั้งแผ่ส่วนกุศลให้เหล่าทหารทั้งหลาย

ก่อนจากบริเวณอนุสรณ์สถานได้ยินคุณจินตนา ถามหลวงพ่อ เกี่ยวกับแสงสว่างเป็นดวง ๆ มีทั้งสีขาวใส, สีเหลือง, สีเขียวเรือง ๆ เธอสงสัยว่าเป็นอะไร วิญญาณ บางดวงยังอยู่ที่นี่ ยังไม่พร้อมที่จะไปเกิด เพราะความห่วงใย หลวงพ่อเห็นพวกเขาตามต้อนรับที่เชิงเขาแล้ว ข้าพเจ้าเดินตามหลวงพ่อและคุณจินตนา จึงได้ยินคำสนทนาโดยตลอด

หลายปีมาแล้ว เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจ ๓๒๗ หรือที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า ฉ.ก. ๓๒๗ ชุดแรก ๆ ได้เฝ้าประจำที่หมู่บ้านถ้ำง้อบ บ้านพักของชุดฯ อยู่ไม่ไกลจากอนุสรณ์สถาน วันหนึ่งทางชุดฯ ดื่มสุราเมาจนได้ที่เกิดนึกอย่างไรไม่ทราบ ได้ไปยืนท้าและด่าที่หน้าประตูอนุสรณ์สถาน ได้เรื่องเลย จนอยู่ไม่ได้ ต้องไปนิมนต์พระจากวัดแสนฝาง ที่ อ.ฝางไปทำพิธีขมา หลวงตาที่ไปทำพิธีได้พูดเตือนชุด ฉ.ก. ๓๒๗

พวกเขาเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ทั้งคนทั้งม้าเต็มไปหมด พวกโยมไม่เห็น แต่อาตมาเห็น สุดท้ายทางชุดฯ ต้องย้ายที่พักไปสร้างที่จุดอื่นเพราะอยู่ที่เดิมไม่ได้ อะไรก็ตามที่เราไม่เห็น อย่าไปลบหลู่เป็นอันขาด อันตรายเกิดได้เสมอ ข้าพเจ้าแน่ใจว่า อดีต ฉ.ก. ๓๒๗ ชุดนั้นคงเข็ดไปอีกนาน แม้จะย้ายไปที่อื่นแล้วก็ตาม

หลังจากนั้น คณะได้ไปที่อดีตกองบัญชาการของนายพล ลี ด้วยสภาพของชาวบ้านที่ยากจน หลวงพ่อและคณะได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้แก่หัวหน้าหมู่บ้าน ถ้ำง้อบไว้ใช้ในหมู่บ้านต่อไป คุณรุ่งเรือง เสือโต หลังจากถึงเชียงใหม่ได้ขอรับบริจาค ข้าวสาร, เสื้อผ้า, ตลอดจนของใช้ที่จำเป็นจากญาติ ๆ และเพื่อน ๆ ให้แก่ชาวบ้านถ้ำง้อบ ชาวบ้านสินชัย ชาวบ้านผาแดง โดยมอบผ่านพี่สาว และข้าพเจ้าขอขอบพระคุณ มา ณ ที่นี้อีกครั้ง

กว่าจะถึงตัวเมืองเชียงใหม่ เป็นเวลาค่ำมากแล้ว มีรถคันหนึ่งไล่ตามรถพวกเรา เพราะเห็นชื่อวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ที่ติดอยู่ข้างรถตู้ที่พวกเรานั่ง ภายหลังที่ได้พบหลวงพ่อแล้ว ทั้งสองสามีภรรยา เล่าว่าแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นชื่อวัด ทั้งสองศรัทธาหลวงพ่อมาก ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นองค์จริง รู้จักแต่ทางรายการทีวีธรรมะ, หนังสือพระ, เทปธรรมะ ของหลวงพ่อ และจากที่หนังสือกฎแห่งกรรม ดูทั้งสองตื่นเต้นมากที่ได้พบหลวงพ่อโดยไม่คาดฝัน พอข่าวหลวงพ่อมาเชียงใหม่แพร่ออกไป ญาติโยมที่ศรัทธาต่างพากันมากราบหลวงพ่อจนต้องขอร้องอย่าอยู่ดึกเกินไป อยากให้พลวงพ่อได้พักผ่อนมาก ๆ เพราะทุกคนรู้ดีว่า เมื่อหลวงพ่อกลับถึงวัดอัมพวัน แล้วจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลย
วันรุ่งขึ้น หลวงพ่อพาคณะไปที่จวนผู้ว่าราชการเชียงใหม่ ได้พบท่านผู้ว่าฯ คุณธนศักดิ์ ยุวบูรณ์ และคุณนายผู้ว่าฯ ประจวบกับ คุณหญิงวลี ยุวบูรณ์ คุณแม่ท่านผู้ว่าฯ และคุณแม่ของคุณนายผู้ว่าฯ ก็อยู่ด้วย ทุก ๆ ท่านดีใจที่หลวงพ่อได้กรุณาไปเยี่ยม หลวงพ่อได้ฝากข้าพเจ้ากับท่านผู้ว่าฯ หากมีปัญหาอะไรให้ไปพบท่านได้ ท่านผู้ว่าฯ มีเวลาอยู่คุยกับพวกเราประมาณ ๒๐ นาที ก็ขอตัวเพราะยังต้องไปงานอื่น พวกเราอยู่ที่จวนผู้ว่าฯ เกือบสองชั่วโมงจึงได้กลับ

แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่หลวงพ่อมาเชียงใหม่ พวกเรา ก็ตื้นตันใจเกินกว่าที่จะกล่าว เพราะหลวงพ่อเป็นพระที่อุทิศตนเพื่อสังคม เพื่อเพื่อนมนุษย์มาโดยตลอด ความรักความเมตตา ของหลวงพ่อได้แผ่ไปถึงพวกเราชาวไทยยูนนาน (ฮ่อ) ทุกคน

ขอเท้าความถึงหนังสือ กฎแห่งกรรม เล่มที่ ๕ เรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนหน้า ๑๒๖ วรรคสุดท้ายที่ว่า ข้าพเจ้าพยายามค้นหาคำตอบให้แก่ตัวเองว่า ชายผู้สูงอายุนี้ คือใคร ทำไมท่านถึงได้มาเกี่ยวข้องในชีวิตข้าพเจ้า เป็นเรื่องอัศจรรย์ และเหลือเชื่อ อีก ๒ ปีต่อมา ข้าพเจ้าก็ได้คำตอบนั้น เมื่อปี ๓๕๓๕ โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย ได้จัดงานชุมนุมศิษย์เก่าเช่นทุกปี พี่สาวได้ไปร่วมงานเลี้ยง

คุณมายูร ลินพิศาล ซึ่งก็เป็นศิษย์เก่า ซึ่งพวกเราเรียกว่า คุณป้า คุณป้ามายูรได้รีบเข้ามาหาพี่สาวพร้อมทั้งเล่าเกี่ยวกับหนังสือกฎแห่งกรรม เล่มที่ ๕ ได้อ่านเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียน คุณป้ามายูร บอกว่า ชายสูงอายุที่มีผมและหนวดสีขาวยาว นุ่งขาวห่มขาวนั้นมีจริง บ้านที่ข้าพเจ้าอยู่นั้นมีเนื้อที่กว่า ๒ ไร่ เดิมเป็นของคุณพ่อคุณป้า มายูรได้ทำเป็นโรงเลื่อย ต่อมาได้ขายให้ชายคนหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน ชายคนนั้นได้ขายต่อให้คุณพ่อ เป็นเวลากว่า ๓๐ ปี ที่ข้าพเจ้าได้อยู่ที่บ้านแห่งนี้ ขณะที่ยังเป็นโรงเลื่อย คุณป้ามายูรจำได้ว่า วันหนึ่ง พี่ชายนอนหลับที่โรงเลื่อยในเวลากลางวัน ต้องสะดุ้งตื่น รู้สึกมีคนมาเขย่าอย่างแรง มีเสียงพูด อันตราย อันตราย ตื่น ตื่น เมื่อลืมตาก็เห็นชายแก่คนหนึ่ง มีผมและหนวดสีขาวยาวมาก นุ่งขาวห่มขาวยืนอยู่ข้างที่นอน มองไปที่ปลายเท้าเห็นงูเห่าตัวใหญ่อยู่ไม่ไกลจากตัว พอได้สติรีบวิ่ง ลักษณะคล้ายพุ่งตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว จึงได้รอดชีวิต คุณป้า มายูร เชื่อว่า ชายผู้สูงอายุ ยังไม่ไปไหน ยังคงอยู่ในบริเวณบ้านข้าพเจ้านั้นเอง จำได้ว่าหลวงพ่อ เคยบอกว่าที่ที่บ้านดี ข้าพเจ้าไม่ได้ถามหลวงพ่อว่า มีอะไรดี หรือ ยังมีผู้ที่นั่งสมาธิกรรมฐานเคยไปที่บ้านก็พูดแบบเดียวกับที่หลวงพ่อเคยพูดไว้ว่าที่ที่นี้ดี อย่าย้ายไปที่อื่นนะ

สำหรับข้าพเจ้า แม้จะมีเรื่องเลวร้ายผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ข้าพเจ้าก็โชคดีในเวลาเดียวกัน ที่มีหลวงพ่อคอยห่วงใย คอยอบรมธรรมะตักเตือนคอยให้สติตลอดเวลา และไม่เคยทอดทิ้ง ครอบครัวข้าพเจ้าเลย

นอกจาหลวงพ่อแล้ว ข้าพเจ้ายังได้รับการปกป้อง คุ้มครองจากหลวงปู่ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่า ท่านคือใคร แน่นอนจะมีผู้อ่านหลายท่านกำลังหัวเราะข้าพเจ้า เมื่ออ่านถึงบรรทัดนี้ เป็นไปได้ไหม สิ่งที่ลึกลับ หรือที่เวลานี้ วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่สิ่งนั้นได้มีอยู่ตรงนั้น เป็นเวลานานแล้ว เพียงแต่วิทยาศาสตร์ยังก้าวไปไม่ถึงขั้นตอนขั้นนั้น เป็นเรื่องที่น่าคิดและไม่ควรจะมองผ่านไปในเรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น กาลิเลโอถูกจองจำ เพราะเชื่อว่าโลกเรานี้กลม ซึ่งขัดกับความเชื่อในสมัยนั้นอย่างรุนแรงที่ว่า โลกแบน สุดท้าย กาลิเลโอถูกบังคับให้ดื่มยาพิษ เพราะท่านไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อในสิ่งที่ท่านได้ค้นพบ ในที่สุด วิทยาศาสตร์ได้พัฒนาเจริญก้าวหน้าไปถึงขั้นพิสูจน์ได้แล้วว่าโลกเรานี้กลม

ขอย้ำว่า สิ่งที่เราคิดว่าลึกลับนั้น แท้จริงสิ่งเหล่านั้น คงอยู่นานมาแล้ว เพียงแต่รอเวลาให้วิทยาศาสตร์ก้าวไปถึงและพิสูจน์ได้เท่านั้นเอง

ฉวีวรรณ ชัยศิริ
๑๑๒ ถนนลอยเคระห์ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ ๕๐๐๐๐