หลวงพ่อไปยุโรป

โดย อำนาจ บัวศิริ
(ผู้ชำนาญการ นักวิชาการศาสนา ๖ กองศาสนศึกษา กรมการศาสนา)

ลวงพ่อไปยุโรปครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการบุกเบิกงานด้านการศึกษาสงฆ์ของกองศาสนศึกษา กรมการศาสนา โดยการคิดริเริ่มของนายมานพ พลไพรินทร์ ผู้อำนวยการกองศาสนศึกษา ตั้งแต่ครั้งยังเป็นหัวหน้า ฝ่ายบริหารการศึกษาของคณะสงฆ์ ซึ่งถือได้ว่า เป็นยุคทองของการศึกษาของคณะสงฆ์อย่างแท้จริง

ท่านที่คิดตามอ่านหนังสือ กฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ ของหลวงพ่อมาโดยตลอด คงจะจำได้ว่า เมื่อปี ๒๕๓๔ วันที่ ๑๑-๒๓ กรกฎาคม หลวงพ่อได้ไปประเทศสหรัฐอเมริกา มาครั้งหนึ่งแล้ว ด้วยภารกิจเดียวกัน ซึ่งผู้เขียนขอเล่ามูลเหตุย่อ ๆ ดังต่อไปนี้

กองศาสนาศึกษาได้เริ่มวางแผนส่งเสริม และอุดหนุนการศึกษาของคณะสงฆ์อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เมื่อนายมานพ พลไพรินทร์ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารการศึกษาของคณะสงฆ์ เมื่อปี ๒๕๒๕ จนกระทั่งการศึกษาของคณะสงฆ์ภายในประเทศมีนโยบายที่ชัดเจน มีการดำเนินงานเป็นระบบมากขึ้น มีงบประมาณอุดหนุนเพิ่มมากขึ้นอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เกิดจากการร่วมมือให้ความสนับสนุนจากหลาย ๆ ฝ่าย ทั้งรัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติหลายท่าน เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานปฏิบัติอย่างจริงจังเข้มแข็ง ตลอดจนเจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณที่เอาใจใส่ศึกษางานด้านนี้อย่างแข็งขัน

เมื่อการศึกษาของคณะสงฆ์ภายในประเทศมีความมั่นคงมากขึ้น กรมการศาสนาเริ่มมองเห็นความสำคัญของการเผยแผ่การศึกษาของสงฆ์ในต่างประเทศ ทั้งนี้เพราะเราให้พระสงฆ์จำนวนหลายรูปไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามลำพังมานานแล้วในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย ประเทศแถบทวีปยุโรป

สำหรับประเทศแถบเอเชีย จะมีเฉพาะประเทศสหพันธรัฐมาเลเซียเท่านั้น ที่กรมการศาสนา และแม่กองธรรมสนามหลวงให้เข้าไปดูแล จัดให้มีการสอนธรรมสนามหลวงครั้งที่ ๒ ขึ้นในประเทศมาเลเซีย เป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมา ดังนั้นจึงเกิดความคิดว่าจะต้องหาทางอุดหนุน และส่งเสริมพระสงฆ์ที่ไปปฏิบัติศาสนกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ให้มีการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ให้แพร่หลายออกไปให้จงได้

แต่เนื่องจากข้อมูลที่จะให้ความรู้แก่กรมการศาสนาเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังมีน้อย จึงจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการศึกษาด้านนี้ ก่อนที่จะมีการวางแผนดำเนินการต่อไป กรมการศสานาจึงได้เริ่มโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการศึกษา พระปริยัติธรรมในต่างประเทศขึ้น ทั้งนี้จะต้องมีความร่วมมือเกิดขึ้นทั้ง ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายฆราวาสโดยกรมการศาสนา และฝ่ายพระสงฆ์ โดยมหาเถรสมาคม

ในปี ๒๕๓๔ มหาเถรสมาคม ได้มีมติให้พระธรรมราชานุวัตร เจ้าคณะภาค ๓ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นหัวหน้าคณะพระสงฆ์ไทยเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีพระเดชพระคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ หลวงพ่อวัดอัมพวัน เดินทางร่วมไปด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ได้ช่วยพิจารณาว่าจะส่งเสริม การศึกษาธรรมปฏิบัติให้ควบคู่ไปกับการส่งเสริมทางปริยัติธรรมอย่างไรได้บ้าง ซึ่งทำให้ทุกท่านได้อ่าน กฏแห่งกรรม ในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามที่หลวงพ่อได้เล่าให้ฟังไปแล้ว เป็นคติข้อคิดมากมาย

ในปี ๒๕๓๕ มหาเถรสมาคมได้มีมติให้ คณะเจ้าหน้าที่ชุดเดิมไปศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการศึกษาในประเทศ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ แต่ครั้งนี้ หลวงพ่อท่านไม่สามารถเดินทางร่วมไปในคณะได้ เนื่องจากติดศาสนกิจมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ที่เพวกเราไม่มีโอกาสได้กฎแห่งกรรมในประเทศออสเตรเลียจากหลวงพ่อ

สำหรับในปี ๒๕๓๖ นี้ มหาเถรสมาคมได้มีมติให้พระธรรมราชานุวัตร และคณะสงฆ์ ซึ่งมีหลวงพ่อ พระราชสุทธิญาณมงคล ร่วมเดินทางไปศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ในการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรม ในประเทศยุโรป ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๖ เนื่องจากมีระยะเวลาจำกัด จึงกำหนดให้เดินทางไปได้เพียง ๕ ประเทศเท่านั้น คือ

เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และอังกฤษ การเดินทางไปครั้งนี้ มีพระธรรมราชานุวัตรเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายสงฆ์ และนายจำเริญ เสกธีระ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายฆราวาส

การเดินทางไปศึกษาข้อมูลในครั้งนี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ และเหตุการณ์ตื่นเต้นหลายตอน ซึ่งผู้เขียนเชื่อว่าทุก ๆ ท่านอยากจะฟัง จากคำบอกเล่าของหลวงพ่อท่านเองมากกว่า แต่เสียดายว่าไม่สามารถเรียบเรียงมาลงในกฎแห่งกรรมเล่ม ๗ ได้ทันที จึงขอผัดไว้ลงในเล่ม ๘ ต่อไป สำหรับในตอนนี้ ผู้เขียนขอเล่าเพียงย่อ ๆ พอเป็นสังเขป ดังนี้

 

วันพุธที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๓๖

คณะเดินทางพร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง เวลา ๑๖.๐๐ น. และเดินทางโดยสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิค และเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง เดินทางถึงประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม เวลา ๘.๕๐ น.

เรื่องราวในช่วงนี้ คือ มีสมาชิกในคณะเดินทาง ๓ ท่าน ที่วีซ่าเข้าประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษไม่เรียบร้อย มีปัญหา แต่ก็ยังตกลงใจร่วมเดินทางไปด้วย หวังแก้ปัญหากันข้างหน้า ซึ่งเป็นมูลเหตุให้เกิดเหตุการณ์ต่อไป

ในวันที่ ๑๕ นี้ ได้ไปเยี่ยมชม วัดพุทธาราม ในกรุง AMSTERDAM และในตอนค่ำได้ไปเยี่ยมชมกิจการของวัดพุทธาราม ที่เมือง Waalwijk
วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๓๖

เดินทางต่อไปยังประเทศเยอรมัน พักที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต

 

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๓๖

เดินทางไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พักที่เมืองลูเซิร์น ในวันนี้ได้ไปเยี่ยมชมวัดไทยสวิตเซอร์แลนด์ที่เมืองซูริค

เรื่องราวในช่วงนี่ หลวงพ่อได้พบกับลูกศิษย์ที่รู้จักหลวงพ่อจากการอ่านหนังสือกฏแห่งกรรม และมีความเลื่อมใสศรัทธานำหลักคำสอนไปปฏิบัติกรรมฐานและสวดพุทธคุณฯ เป็นประจำ โดยไม่เคยพบตัวจริงของหลวงพ่อเลย และทราบว่ามีลูกศิษย์เช่นนี้อยู่มากในซูริค “คุณสุนิสา” มีอาการขนลุกซู่ ไปทั่วกายเมื่อทราบว่าเป็นหลวงพ่อจรัญ ยอบตัวลงกราบหลวงพ่อด้วยดวงตาที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำใส

 

วันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๓๖

ไปชมยอดเขา TITLIS ซึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่แม้ว่า จะเป็นช่วง SUMMER

ขณะที่คณะเราไปชมยอดเขา         TITLIS อยู่นั้น มิจฉาชีพในประเทศที่ได้ชื่อว่าปลอดภัยที่สุดโนโลก ได้โจรกรรมทรัพย์สินในห้องพักของคณะเดินทางพวกเรา ได้ของมีค่าและเอกสารไปหลายอย่าง…แต่ก็เป็นการเสียเพื่อที่จะได้… เป็นการเปิดทางออกให้แก่ คุณสมัยและ ดร.ชลันกร ได้ทำวีซ่าได้และไปพบเรื่องราวของคนต่างชาติที่ปฎิบัติการทำลายชื่อเสียงของประเทศไทย จากท่านเอกอัครราชทูตไทย … (หลวงพ่อท่าน กำหนดหนอ).

 

วันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๓๖

เดินทางสู่ประเทศฝรั่งเศส พักที่กรุงปารีส

 

วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๓๖

ได้ไปเยี่ยมวัดธรรมาภิรมย์ ที่ Choisy-le-Roi

ตอนค่ำไปโปรดญาติโยมที่บ้านคุณนิพนธ์ พบคุณซูซาน ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับผีฝรั่ง และพบเด็กหญิงวัยรุ่นผู้น่ารักเชื้อสายลาว ผู้มีญาณบอกเหตุจากความฝันว่า หลวงพ่อจะมาเยี่ยมที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยพบหลวงพ่อมาก่อนเลย

 

วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๖

เดินทางสู่ประเทศอังกฤษ โดยนั่งเรือข้ามช่องแคบอังกฤษ พักที่กรุงลอนดอน ตอนเย็นได้ไปเยี่ยมวัดอมราวดี วัดป่า สายท่านอาจารย์หลวงพ่อชา มีท่านเจ้าคุณพระสุเมธาจารย์ พระชาวอเมริกัน เป็นเจ้าอาวาส ที่วัดมีพระภิกษุชาวต่างชาติ ๑๔ รูป และกำลังขยายสาขา ไปในภูมิภาคต่าง ๆ อีกมาก

 

วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๖

เยี่ยมวัดพุทธทีป กรุงลอนดอน

 

วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๖

คณะสงฆ์โปรดญาติโยมที่ร้านอาหารกินรี ร้านของคุณแดง น้องสาวของคุณวิบูลย์พร อัตถากร บ่าย ๔ โมงเย็น เดินทางไปสนามบิน HEATHROW ขึ้นเครื่องบินกลับไทย

เหตุการณ์ตื่นเต้นบนเครื่องบินโดยสาร CX 705 เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ ๒๓ ขณะที่ทุกคนกำลังหลับสนิท มีน้ำหยดลงจากเพดานห้องโดยสารลงใส่ศีรษะ ดร.ชลันกร และคุณถวิล จากนั้นก็ลามไปสู่คนอื่น ๆ ในคณะของเรา ไม่มีผู้ใดสังเกตว่า หลวงพ่อกำลังบริกรรม เพราะมัวแต่ใจจดจ่อกับปริมาณน้ำที่หยดไหลเพิ่มมากขึ้นทุกที พนักงานบนเครื่องและผู้โดยสารเริ่มหวาดวิตก เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ อาจเป็นสาเหตุให้ไฟฟ้าลัดวงจรและเครื่องบินระเบิดได้ ถ้าภายใน ๒๐ นาทีนี้น้ำไม่หยุดไหล….(หลวงพ่อ กำหนดภาวนา)

 

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๓๖

กลับถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ เมื่อเวลา ๒๐.๑๐ น. ท่านผู้มีเกียรติและคณะญาติโดยมลูกศิษย์ รอรับหลวงพ่อและคณะอยู่ที่ห้องรับรองของการท่าอากาศยาน ด้วยความปีติยินดี

 

จบบันทึกสรุปของผู้เขียนเพียงเท่านี้ รายละเอียดของเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้น ซึ่งแฝงไว้ด้วยกฎแห่งกรรมและธรรมะ หลวงพ่อจะเมตตาบรรยายให้ผู้ใฝ่ในธรรม ได้ทราบในโอกาสต่อ ๆไป ซึ่งจะได้นำลงพิมพ์ในหนังสือ กฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ ๘ ในปี ๒๕๓๗ อีกครั้งหนึ่ง ขอได้โปรดติดตามต่อไป