สาวนักธุรกิจการโรงแรมจากฝรั่งเศส เผชิญผู้จัดการชาวเยอรมัน ที่กรุงเทพฯ

โดย  อรรคพร บัวสรวง

ดิฉันได้รับการศึกษาชั้นดีตลอดมา จบการศึกษาชั้นมัธยมจากวัฒนาวิทยาลัย ขององค์การศาสนาคริสต์ แต่จบชั้นอุดมศึกษาจากเบญจมราชาลัย ใกล้วัดสุทัศน์ เสาชิงช้า กทม. ศึกษาต่อจบเป็นเศรษฐศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้มีโอกาส ไปฝึกวิชาการโรงแรมและภัตตาคารจากสถาบันอันเลื่องชื่อ แม้กชีพ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

กลับเข้ามาทำงานในโรงแรมชั้นดีของกรุงเทพมหานครหลายแห่ง แห่งที่ตั้งขึ้นใหม่ก็ได้ประมูล ค่าตัว เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงโรงแรม ฮอลิเดย์อินน์ ซึ่งมีสหพันธ์ทั่วโลก มีสาขาในต่างจังหวัด เช่น แม่ฮ่องสอน และหนองคาย ภายใต้เงินทุนของ คุณศรีชวาลา แต่ทว่า มีผู้จัดการเป็นฝรั่ง เช่น เดียวกับโรงแรมดัง ๆ อื่น ตำแหน่งสุดท้าย คือ ผู้จัดการ ชั้น วี.ไอ.พี. ซึ่งมีแขกดี ๆ มีหนังสือชมเชยมามากมาย ทำให้สหายนักโรงแรมด้วยกัน อยากได้ตำแหน่งนี้ยิ่งนัก ในที่สุด อักษรศาสตรบัณฑิตผู้หนึ่งของโรงแรมดังกล่าว มีความใกล้ชิดพิสมัยกับผู้จัดการใหญ่ จึงย้ายสับเปลี่ยนกับดิฉัน ดิฉันได้ชี้แจงว่า ไม่ได้เล่าเรียนมาทางธุรกิจ ฝึกฝนมาแต่ทางดูแลแขกและของใช้ ควบคุมบริกรให้มี มารยาทอันประทับใจแบบสากลนิยม ซึ่งอาจทำงานด้านบริการธุรกิจได้ไม่ได้ดีเท่าคนที่เรียนมาทางนี้โดยตรง แต่ฝรั่งผู้จัดการใหญ่ เอาแต่ใจของตัว ไม่ยอมฟังเสียงซึ่งขอร้องด้วยดี

ดิฉันถือว่า ได้ผ่านโรงแรมดี ๆ ดัง ๆ มามากแล้ว ยังไม่เคยประสบกับคนมีอุปนิสัยที่ไม่ฟังเหตุผลเยี่ยงนี้ จึงยื่นใบลาออก ก็ได้รับอนุมัติ เพราะสมใจเขาแล้ว และคิดว่าจะหางานที่อื่นต่อไป

เพราะครั้งก่อนที่เปลี่ยนที่ทำงานไปในทางที่ดีขึ้น ก็ไม่เคยรบกวนคุณพ่อ-คุณแม่ ด้วยท่านได้มอบความไว้วางใจในการดำเนินชีวิต เป็นอิสระ เพราะอายุและฐานะความเป็นอยู่ทั้งไทยและเทศ ก็ได้เผชิญมาตามสมควรแล้ว แต่คราวนี้ออกจะว้าเหว่า เพราะไม่มีใครมา ประมูลตัว จึงต้องหารือท่านทั้งสองดู เพราะคุณพ่อ-คุณแม่ มีวัยเกิน ๖ รอบไปนานแล้ว มากกว่าดิฉันถึง ๒ เท่า

เมื่อท่านทั้งสองได้ฟังเรื่องราวแล้ว คุณพ่อแนะนำว่า ต้องไปกราบท่านเจ้าคุณจรัญฯ วัดอัมพวัน ว่า มีกรรมอะไร บัง จึงมาเป็นเช่นนี้ ยกตัวอย่างเรื่อง ท่านอำนวย อินทุภูติ แห่งศาลฎีกา พาท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ปัญญา ฤกษ์อุไร เป็นถึงเจ้าเมือง ยังโดนตำรวจจังหวัดของตนจับใส่กุญแจมือ ไปสถานีตำรวจหรือเรือนจำ ซึ่งท่านเข้าคุณฯ ได้ตรวจดู และแนะวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งยังบอกล่วงหน้าว่า ไม่ถึงปีก็ได้กลับเข้าราชการอีก ก็ถูกต้องตามที่ท่านตรวจดูมองเห็น ตามหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติเล่มแล้วเล่มเล่า ทุกคนในครอบครัวเห็นชอบ จึงเดินทางไปวัดอัมพวัน และพอดีท่านอยู่ที่กุฏิ จึงพากันเข้าไปนั่งรอ

เมื่อได้รับโอกาสจากท่านเจ้าคุณฯ และบรรดาท่านที่รอ ๆ อยู่ ให้เราได้เข้าเสนอเรื่องก่อนได้ด้วย จำได้ว่า วันนั้นท่านผู้บังคับการกองบินทัพบกที่ลพยุรี ได้นั่งใกล้ท่านเจ้าคุณฯ อยู่ด้วย พวกเรา พอ-แม่ พี่ ๆ ไปเต็มคันรถทีเดียว

คุณพ่อซึ่งเป็นทายกประจำวัดของท่านอยู่แล้ว เล่าเรื่องย่อ ๆ ให้ฟัง ดิฉันเพิ่งเคยไปกราบเท้า จึงหมอบก้มหน้าอยู่หน้าแท่นอาสนะ ของท่านด้วยความเคารพอย่างที่ขอรับสารภาพว่า เพิ่งจะใกล้ชิดกับพระผู้ใหญ่วันนี้ เป็นวันแรกแห่งชีวิต

ท่านเจ้าคุณฯ ท่านฟังจบ ก็ปราศรัยด้วยน้ำเสียงแห่งกรุณา ค่อนข้างดังและมีคนรอคอยอยู่เต็มกุฏิ แทบไม่มีที่ว่างว่า ไหน เงยหน้าขึ้นมาดูซิ แหม! สวยด้วยนี่ ทำไมใจน้อย ไปลาออก เสียได้ ไม่เอาอย่างพ่อ – พ่อเป็นนักปราชญ์ คราวหลังอย่าลาออกนะ คราวนี้เอาเงินเดือนเท่าเดิมไปก่อน ตำแหน่งค่อยเลื่อนไปเอง- ลาออกอีกไม่ได้นะ

คุณพ่อกระซิบดิฉันให้กราบขอบพระคุณท่านเจ้าคุณฯ และกระซิบถามว่า จะจัดการกับเจ้าผู้จัดการ (ใหญ่) คนนี้อย่างไรดี?

ท่านเจ้าคุณฯ ท่านตอบว่า เอาไว้คืนนี้ จะตรวจดูก่อน พวกเราก็กราบลาท่านกลับ

วันต่อมาได้พบกับท่านนายทุน ศรีชวาลา แห่งโรงแรมฮอลิเดย์อินน์ ระหว่างประเทศ และโรงแรมไวท์ออคิด (ในประเทศ) ถนนเยาวราช กทม. ท่านก็บอกให้ไปทำงานเป็นผู้สอนฝึกหัดพนักงานที่โรงแรมไวท์ออคิด ของท่านอีกแห่งหนึ่งก่อน มีลูกน้องที่เคยอยู่แผนก วี.ไอ.พี. ด้วยกัน ขอติดตามมาด้วย ๒-๓ คน ท่านก็ใจดีอนุญาตให้มาร่วมทำงานด้วยกันได้

สำคัญที่ ในอัตราเงินเดือนเท่าเดิม ทุกคน สมดังที่ท่านเจ้าคุณฯ ลั่นวาจาประกาศิต

“พิชิตเพียงข้ามคืนเดียวจริง ๆ “

ขณะนี้ดิฉันได้รับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายหน้าของโรงแรมไวท์ออคิด เรียบร้อยแล้ว

เมื่อออกมาจากวัด – คุณแม่* ยังสัพยอกคุณพ่อว่า พาลูกมาถูกดุ – แต่ชมพ่อ-พ่อเลยหน้าบานเป็นกระจาดไปเลย

นอกจากที่เล่ามา ท่านเจ้าคุณฯ ยังได้เมตตาปรารภความหลังครั้งที่ คุณพ่อได้อาราธนาท่านไปเยือน ประเทศศรีลังกาเมื่อกว่า ๒๐ ปี มาแล้วด้วยว่า

เป็นเหตุให้ท่านไปได้มาซึ่ง มักกะลีผล อันศักดิ์สิทธิ์ มาจากประเทศนั้นและได้นำภาพ มักกะลีผล นั้นมาให้พิจารณา ประกอบเรื่องอีกด้วย

ส่วนผู้จัดการชาวเยอรมันผู้นั้น ก็ช่างบังเอิญถูกคำสั่งย้ายไปอยู่นครเดลลี นครหลวงประเทศอินเดีย หลังจากที่มีเรื่องกับดิฉันไม่ถึง ๒ สัปดาห์ เมื่อพบกับท่านศรีชวาลา ก็ยังขอกลับมาอยู่ประเทศไทยอีก แต่ท่านศรีชวาลา ก็บอกกับเขาว่า ท่านไม่มีอำนาจมากถึงเช่นนั้น แม้ในประเทศไทย ใครจะนึกจะทำอะไรก็ไม่บอก แล้วท่านจะไปพูดกับใครถึงเมืองนอกได้อย่างไร

นี่แหละ! อมตวาจาของสมณะและวาทะแห่งนายทุน

๒๐ พ.ค. ๓๖

 

* เภสัชกรหญิง สุขสงบ บัวสรวง อดีตหัวหน้าห้องยา โรงพยาบาลรามาธิบดี