ปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรม
หายจากโรคอัมพาต

โดย ชุมพล แสนอาจโท

รื่องของกระผมออกจะไปข้องเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับ ทางโลกวิญญาณ ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือปล่าก็สุดแท้แต่จะนึก กระผมป่วยด้วยโรคปวดขารุนแรง ปวดแทบจะเดินไม่ไหว แล้วต่อมา กระผมก็เดินไม่ได้จริง ๆ อาการรุนแรงทำให้ท้อแท้ อยากตาย ๆ จากโลกนี้ไปให้สิ้นกันไป ทรมานนับปี อยู่ ๆ ถึงคราวกระผมจะหมดเวรหมดกรรม หรือยังไงไม่ทราบ ทราบข่าวจากคุณศิรประภา (กอบ) สิทธิเกษร เพื่อนบ้านแนะนำให้ไปพบ อาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ เพื่อขอรับคำแนะนำบางอย่าง เพราะกระผมเองมือแปดทิศแล้ว

วันที่กระผมไปถึงบ้านอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ กระผมคลานเข้าไปถึงในบ้านของอาจารย์บุญส่ง ท่านมอง ๆ กระผมแล้วบอกให้เขียนชื่อ นามสกุลที่อยู่ลงในสมุดบันทึก ใส่บ้านเลขที่ให้ละเอียด ท่านมองผ่าน ๆ แล้วก็นิ่งสักครู่ก็บอกว่า หน้าบ้านคุณชุมพล มีคนตายใช่ไหม กระผมก็ตอบว่า ใช่ มีเด็กหนุ่ม ๆ ตกต้นไม้ตาย และก็ถามต่อไปว่า บนบ้านของคุณชุมพลมีวิญญาณเดินอยู่ในบ้านใช่ไหม เสาตกน้ำมันใช่ไหม กระผมก็ตอบว่า ใช่ ตอนนี้แหละ กระผมชักจะศรัทธาเลื่อมใสอาจารย์บุญส่ง ปักใจดิ่งซะแล้ว เพราะกระผมทราบแน่ชัดว่า ท่านอาจารย์บุญส่ง ไม่เคยรู้จักที่อยู่กระผมมาก่อน ไม่ใช่ เตรียมเรื่องแล้วมาตอบถามกัน ทำไมจึงทราบทะลุปรุโปร่งหมด เหมือนท่านอาจารย์บุญส่งอ่านกระผม ออกได้ราวกับอ่านหนังสือเป็นแถว ๆ บนหน้ากระดาษ

อาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ ที่ผู้คนศรัทธามากมาย ก็บอกว่า ขอให้คุณชุมพลไปปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรม ๗ วัน ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี แล้ววิญญาณนางตะเคียนจะไปกราบลาคุณไปเกิด เขาติดตามมาอยู่ในบ้านของคุณ มากับเสาตะเคียน และยังรู้ละเอียดว่า กระผมไปซื้อเหมาไม้ปลูกบ้านที่คนอื่นเขาจะซื้อไปถวายวัด แต่กระผมบังเอิญไปซื้อ เจ้าของเขาเห็นได้ราคาก็ขายให้กระผมมา กระผมก็ซื้อไม้มาปลูกบ้านโดยไม่รู้ว่า มีเสาตะเคียนตกน้ำมันอะไรมาก่อน

วันหนึ่ง กระผมนั่งเล่นอยู่ชานเรือน ถูกถีบหล่นตูมลงมาจากบ้าน ไม่มีคนไหนมาถีบเป็นเท้าแน่ ๆ แต่ไม่มีตัวตน กระผมหล่นตุ้บลงมาทรุดกับพื้นดิน จากวันนั้นมาก็ป่วยตลอดมา วันดีคืนดี กลางวันแสก ๆ บนบ้าน กระผมมีเสียงผู้หญิงเดินอยู่บนบ้าน บางครั้งก็เห็นไว ๆ วับ ๆ หายไป ป่วยอยู่เรื่อยมา บ้านกระผมแทบ จะเรียกได้ว่า ไม่มีความสุขเลย

กระผมขอจารึกวันนี้ไว้ในความทรงจำ คือวันที่ไห้พบกับอาจารย์บุญส่ง อินทวิรัตน์ ผู้จุดแสงเทียนส่องทาง แนะนำให้กระผมมาปฏิบัติกรรมฐาน ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี มากราบเท้า หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) และได้อยู่ปฏิบัติกรรมฐาน ครบ ๗ วัน กระผมอธิษฐานไว้ว่า ตอนขากลับจากวัดอัมพวัน ขอให้กระผมเดินขึ้นรถกลับบ้านที่ขอนแก่นได้เหมือนคนปกติ เพราะตอนไป กระผมซื้อไม้เท้ายันเดินสี่ขาไปตลอด แล้ววันนั้นก็เป็นความจริง กระผมอยู่ปฏิบัติกรรมฐาน ๗ วัน

ตอนกลับกระผมไม่ได้ใช้ไม้เท้ายันตัวกลับเหมือนตอนไป เดินขึ้นรถกลับบ้านเดินเหมือนคนปกติธรรมดา ไม่มีอาการอัมพาต อะไรอีกเลย แข้งขาแข็งแรงดี ปกติทุกอย่าง ไปทำงานได้ตามปกติ ทำให้เพื่อน ๆ ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคขอนแก่น อำเภอเมือง ขอนแก่น แปลกใจที่กระผมหายป่วยเป็นปกติดีได้อย่างไร เพราะก่อน ๆ มีแต่นึกว่า คงทำงานต่อไปไม่ได้แน่นอน อยู่ไม่ตลอดเกษียณอายุแน่ ๆ แต่กลับมาอย่างคนสุขภาพสมบูรณ์ ทำให้เพื่อนร่วมงานสนใจมาไต่ถามไปพบครูบาอาจารย์ดีที่ไหนมา

กระผมก็ตอบว่า ไปฝึกกรรมฐาน สติปัฏฐาน ๔ แก้กรรม ที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ๗ วัน ใต้ร่มบารมีเมตตาหลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) ชีวิตของผม จึงหายพิการดังที่เห็นนี้

กระผมเขียนเล่าเรื่องนี้ เพื่อเป็นพยานว่า สติปัฏฐาน ๔ ที่หลวงพ่อเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม) วัดอัมพวัน สิงห์บุรี นำมาบอก สอนให้ผู้ตกอยู่ในกองทุกข์ จมอยู่ในกองทุกข์ นับแสนนับล้านชีวิตได้หลุดพ้น เป็นเรื่องจริง ปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ชดใช้หนี้เวรกรรมได้จริง และขอให้เชื่อว่า กรรมมีจริง ต้องชดใช้กรรมเป็นเรื่องจริง ก่อกรรมดีและชั่ว กรรมนั้นสนองตอบให้ ช้าหรือเร็ว แรงหรือเบา สุดแต่เจตนาและการกระทำกับผลที่ทำมันออกมา ว่าจะรุนแรง หรือเบาหนักแค่ไหนท่านั้น แต่ชดใช้กรรม เป็นเรื่องต้องมีโอกาสชดใช้แน่ คนไม่เห็น ฟ้าดินย่อมเห็น กฎของกรรม ไม่เคยงดเว้นใคร

กระผมไปปฏิบัติสติปัฏฐานอยู่สามวันแรก ปวดขารุนแรง กระผมอดทนปวดขาแทบระเบิด ก็ทนเอา ทนสู้กับเวทนา ที่เขามากดดันให้กระผมละความเพียร ไม่ยอมแพ้ สู้ชดใช้กรรมเขาไป เวทนามันแก่กล้า ก็กำหนดรู้ตามครูฝึกสอน พอวันที่ ๔ อาการปวดหนักเริ่มคลาย เบาสบายขึ้นโดยลำดับ อาการป่วยเริ่มคลี่คลาย หายดีโดยลำดับ กระผมสามารถเดินจงกรมกับกัลยาณมิตร ผู้มาปฏิบัติได้เฉกเช่นเขาอื่น เหมือนคนเดินปกติ โดยกระผมเองลืมตัวไปสนิทว่า ตอนมากระผมคลานมาวัดอัมพวัน สิงห์บุรี แต่ตอนนี้ เดินได้ มารู้เรื่องจริง ๆ เอาวันที่ ๖ และ ๗

วันหนึ่ง กระผมนั่งสมาธิ กำหนดพองหนอ ยุบหนอ ตามครูฝึกบอกสอน นั่งไป ๆ รู้สึกปวดหน่วงหนึบขึ้นอีก เอ๊ะ! เล่นงานเราอีกหรือยังไง ปวดหนืด ๆ พักเดียว ปรากฏร่างของวิญญาณผีนางตะเคียนที่อยู่บ้านกระผมที่ขอนแก่น แต่งตัวสวยงามแบบไทยเดิม มานั่งพนมมืออนุโมทนา บอกกับกระผมว่า ขออนุโมทนา และขอบคุณที่กล่าววาจาตั้งอธิษฐานแผ่กุศลผลบุญไปให้ จะมาลาคุณชุมพลไปเกิดแล้วนะ แต่ก่อนจะลาไป จะรักษาอาการอัมพาตของคุณชุมพลให้หาย เป็นการตอบแทน และวิญญาณนางตะเคียนสวยงาม ก็ก้มเป่าที่หัวเข่าของกระผม คลื่นกระแสพลังเย็นวาบไหลผ่านขากระผมพุ่งผ่านไปทั่วสรรพางค์กาย เย็นวาบเบาสบาย เบาตัวโปร่งสบาย กระผมจึงลุกขยับตัวขึ้นลองเดินเพื่อความมั่นใจ

ผลปรากฏว่า กระผมเดินได้ปกติ หายจากอาการอัมพาต หายป่วยจริง ๆ ก่อนวันที่เข้าปฏิบัติกรรมฐานสองสามวันแรกก็ทุกลักทุเล เดินเซ เดินเอียงอยู่เหมือนกัน แต่จิตใจของกระผมมีสติประคองสู้เวทนากล้า อย่างไม่ท้อถอย ปักใจสู้ ชดใช้กรรมเขาให้หมด ตายเป็นตาย อยู่เป็นอยู่ ไหน ๆ อยู่บ้านก็เป็นอัมพาต เดินไม่ได้ ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว จะตายทั้งที สู้ให้ถึงที่สุดกันดูสักครั้ง สู้กับเวทนา

กระผมกราบเท้าหลวงพ่อ เจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ด้วยข้อเขียนเรื่องโลกวิญญาณลี้ลับ และกฎแห่งกรรมต้องชดใช้ มีจริง เรื่องจริง มาถวายลงในหนังสือกฎแห่งกรรม-ธรรมปฏิบัติ ไว้เป็นอนุสรณ์รำลึก ถึงเมตตาบารมีหลวงพ่อเจ้าคุณฯ ซึ่งเป็นที่เคารพรัก ศรัทธาของชาว จังหวัด ขอนแก่น และชาวอีสานทั้งหมด ได้ทราบโดยทั่วกัน

ขอเชิญชวนไปปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ณ วัดอัมพวัน สิงห์บุรีกันเถิดครับ จะพบทางออกบอกตนได้ใช้ตนเป็นเห็นตนชัดต่อไป อย่าท้อแท้อย่าสิ้นหวัง เหมือนดังกระผมได้ประสบพบเห็นมาด้วยตนเองนี่แหละครับ

กระผมชักชวนเพื่อน ๆ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หลายท่านไปเข้ารับปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ ปฏิบัติ กรรมฐาน ให้ชีวิตพบกับมิติหนึ่ง ที่บางอ่านอาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลย เชิญเถิดครับ เพื่อชีวิตเกิดมาไม่เป็นโมฆะ มาปฏิบัติกรรมฐานกันเถิดครับ แล้วจะได้คำตอบให้ชีวิตว่าคนเราเกิดมาทำไม มาตัวเปล่ากลับไปเหลือขี้เถ้ากองเดียว ยังมีชีวิตอยู่ อย่าให้เวลาล่วงพ้นไปเปล่า ๆ หายใจทิ้งไปเปล่า ๆ เลยครับ สติปัฏฐาน ๔ ชดใช้กรรมหมดแล้ว ทำงานได้เข้มแข็งมีประโยชน์ต่อหน้าที่การงานอีกด้วย

 

ชุมพล แสนอาจโท
การไฟฟ้านครหลวงส่วนภูมิภาค อำเภอเมือง
จังหวัด ขอนแก่น ๔๐๐๐๐
โทร. ๐๔๓-๒๓๖๒๔๖