มะขามกายสิทธิ์

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
๑๐ เม.ย. ๓๔

สมัยอาตมามาอยู่วัดนี้ใหม่ ๆ ชาวบ้านร่ำลือกันว่า ที่หลังวัดมีต้นมะขามใหญ่ ๕-๖ คนอ้อมไม่รอบ ไม่รู้เป็นอย่างไร อีเหยี่ยวอีกามันมากินลูกไก่ เขาก็ไล่ฆ่ามัน มันบินมาเกาะอยู่ต้นมะขามหลังวัด เอาปืนลูกซองมายิง ลูกปืนไม่ออก ยิงอีเหยี่ยวก็ไม่ออก ยิงอีกาที่มากินลูกไก่ก็ไม่ออกแต่แล้วเอากระบอกปืนหันไปทางอื่น ยิงออกมาได้ เขาบอกหลายหนแล้วจะมาล่าอีเหยี่ยวที่เฉี่ยวลูกไก่เขามากินลูกเป็ดเขา อีกามาทำรังที่ต้นมะขาม ก็พยายามจะฆ่ามันก็ยิงไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลประการใด

เขาลือกันเช่นนั้น อาตมาก็นิ่งฟัง ต่อมาก็ชวนพระเณรไปถางต้นหนามพุงดอ กอไผ่ ต้นข่อย ค่อย ๆ ถางไป มันเป็นป่าดงพงไพร ต้นตาลก็เยอะ น่ากลัวพิลึก ถางไปถึงโคนต้นมะขาม ตั้งใจจะถางให้เตียนเพื่อจะดูว่าเป็นเพราะอะไรปืนถึงยิงไม่ออก อาจจะมีพระสมเด็จของใครมาคล้องทิ้งไว้ที่ไหน ก็คิดอย่างนั้น อาตมาก็แผ่เมตตาไปดูสถานที่แล้วก็ไปพบที่ประหารชีวิตนักโทษ อยู่ที่โคนต้นมะขาม เป็นหินมีแท่นรองและนั่ง มีสลักครบถ้วน พอที่จะสันนิษฐานได้ว่าเป็นที่ประหารชีวิตแน่นอน ประหารชีวิตนักโทษ  แต่สมัยไหนไม่ทราบ เราก็รู้เพียงเท่านั้นก่อน

เม็ดมะขาม

ต่อมา หลวงสมานวนกิจ  อดีตอธิบดีกรมป่าไม้ กับหลวงบุเรศบำรุงการ มาที่วัดนี้  อาตมาก็บอกให้หลวงสมานวนกิจไปดูต้นมะขามต้นนี้ว่าอายุเท่าไร  หลวงสมานวนกิจ ก็คำนวณต้นมะขามต้นใหญ่ว่าอายุพันกว่าปี หลวงสมานฯ บอกว่า คงจะไม่พลาดหรอกครับ  ถ้าพลาดก็คงไม่มากนัก อายุพันกว่าปีแน่ ๆ  อาตมาก็ไปเอาฝักมะขามมาลองแกะดู ทุกฝักมี ๑๒ เม็ดทั้งนั้น เป็น ๑๒นักษัตรทุกฝัก  ชวด  ฉลู  ขาล  เถาะมะโรง  มะเส็ง  มะเมีย  มะแม  วอก  ระกา  จอ  กุน  อาตมาก็แปลกใจว่าทำไมฝักมะขามเป็น ๑๒นักษัตรทุกฝัก  จึงให้หลวงสมานวนกิจ วิจัยดูว่าเป็นเพราะเหตุใด

หลวงสมานวนกิจกับหลวงบุเรศบำรุงการ  ก็มาพูดคุยกันว่า  เอ๊ะไม่เคยเห็น  เรียนด้านป่าไม้  เรียนต้นไม้มาทุกชนิด  แต่ไม่เคยปรากฏมะขามเป็นอย่างนี้  เม็ดเป็น  ๑๒ นักษัตร  มองเห็นได้ชัด   ชวดหนู  ฉลูวัว  ขาลเสือ เหมือนกันหมด  ฝักหนึ่งมี  ๑๒  เม็ดทั้งนั้น  หลวงสมานก็ไม่เข้าใจ หาคนวิจัยไม่ได้

ในเวลากาลต่อมา  อาตมาก็ถางให้มันเตียน  เอาหนามพุงดอ ออกให้หมด  อยู่แต่ต้นมะขาม  ก็โล่งเตียน เลยต้นมะขามไปทางซ้ายมือประมาณ  ๑๐ วา เป็นที่เผาศพในป่าช้า   สมัยโบราณกอไผ่ล้อมรอบ  ไม่มีเมรุ  ใช้ไม้ไผ่ปักขึ้น  เอาฟืนใส่  แล้วก็เอาศพมาใส่  สมัยโบราณเผากันอย่างนั้น  ไม่มีใครกล้าไปตรงนั้น    อาตมาก็พิจารณาดูเสมอมา  และชาวบ้านก็มายิงปืนไม่ออกอีกก็แสดงว่าต้นมะขามกายสิทธ์  คนไม่รู้  แถวย่านบ้านนี้รู้น้อยบ้าน  เมื่อสมัยก่อนไม่มีใครรู้

อาตมาก็เข้าใจว่าที่นี่เป็นที่ประหารชีวิตนักโทษ  ก่อนจะประหารต้องบวงสรวงเทวดา  มีหัวหมู  บายศรี  คนหน้าเป็นคนรำดาบ  คือเพชฌฆาต  คนหลังเตรียมท่าอยู่ 2 คน  สำหรับฟันคอ  คนหน้าที่รำมีปี่  กลอง ไม่ใช่คนฟัน  แต่คนหลังฟันแน่ ๆ   ฟันเสร็จแล้วถีบลงบ่อไป

ก็ขอวิจัยต่อไปว่า มะขามกายสิทธิ์คงจะเป็นเพราะเทพยเจ้าสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะขามมากมาย   อยู่มาเวลาหนึ่งปีผ่านมา  อาตมาก็ขุดหลุมนั้น  ขอแรงพระขุด  ขุดเวลาเย็น ๆ กลางคืน  ไม่ให้ใครมารู้เห็น  ได้ร่วม 20 ศพ  อยู่ในบ่อเดียวกันหมดกระดูกก็ผุแล้ว  ยังได้แหวนไว้หลายวง  ตะกรุดบ้าง  แหวนแขนบ้างอยู่ในบ่อนั้น

ในที่สุดก็ไม่ได้บอกให้ชาวบ้านได้รู้  มีทายกอยู่คนหนึ่งชื่อเล็ก กับอีกคนหนึ่งชื่อตาดำ  และมีโยมปุ่นอีกคนหนึ่งก็แก่มากสมัยนั้นให้รับรู้ด้วยกัน  เลยเอาศพมากอง  จะต่อโลงก็ไม่ไหวมันมากมาย  เอาซอไม้ไผ่มานิมนต์พระสงฆ์องค์เณรมา มาติกาบังสุกุล  เสร็จแล้วก็เผา  และขอถวายพระราชกุศลด้วย

ในเมื่อเผาเสร็จสิ้นไปแล้ว  อาตมาก็เก็บกระดูกไปลอยน้ำ  หลังจากนั้นเวลากาลต่อมา  ต้นมะขามก็ค่อย ๆ หงอย  ใบแห้ง  ร่วงโรย  ภายในสองปีก็ตาย  แต่มีมะขามต้นลูกอยู่ขณะนี้ก็กลายไป เม็ดไม่เป็น ๑๒ นักษัตร  มีเป็นหัวลิง  หัวค่าง  หัวหนู  หัวเสือ เป็นกะโหลกผี ก็มี

แต่บางคนเก็บมาได้ เป็นรูปอาตมาอยู่ในเม็ดมะขาม  ถามโยม พ.ท.วิง ดูได้  มีใส่แว่นตาเสียด้วย  ไม่รู้อยู่ในเม็ดมะขามได้อย่างไรแย่งกันเลย อันนี้เรื่องจริงที่ผ่านมา ๓ ปีโน้น  นี่เล่าประวัติเม็ดมะขามให้ฟัง

ในเวลากาลต่อมา มีพวกชลประทานมาทำคลองชลประทาน ก็บุกป่าฝ่าดงมาทำหลังวัดให้ เลยก็ขอเม็ดมะขามไปให้ลูกคล้องคอ เขาเช่าบ้านสองชั้นอยู่ ลูกยังเล็ก ๆ อายุ ๑ ขวบ ๒ ขวบ ตกจากชั้นบนมาไม่เป็นอะไรเลย ก็ถือว่ามะขามกายสิทธิ์เขาว่ากันอย่างนั้น อาตมาไม่ทราบ เอาไปคล้องคอแล้วตกตึกมาไม่เป็นไร พวกชลประทานเป็นผู้รู้ก่อน เพราะเคยมาบุกเบิกหลังวัด ทางด้านตะวันออกเป็นหลังวัด                อาตมาก็ประเมินได้ว่ามีเทวดาสิงสถิตอยู่ที่ต้นมะขามนี้ หลวงบุเรศฯกับหลวงสมานวนกิจยอมรับ เห็นจะจริงอย่างว่า ต้นมะขามปี ๑๒ นักษัตรนี้ไม่มีประวัติในการเรียนป่าไม้มา ขอยอมรับว่า ต้นมะขามกายสิทธิ์นี้เป็นที่ประหารชีวิตนักโทษ พอทำบุญถวายพระราชกุศลแล้ววิญญาณคงจะออกไป ต้นมะขามนั้นก็ถึงแก่ความตาย โดยไม่มีใครไปเผาไฟแต่ประการใด ค่อย ๆ เหี่ยวไปภายใน ๒ ปีเขาก็ตาย เหลือแต่ต้นลูกอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ จึงกลายไปไม่เป็น ๑๒ นักษัตร แต่ก็ยังมีหัวลิงหัวค่างอยู่ ไปดูได้ถ้าโยมจะเก็บไปก็เอาไปเถอะอนุญาต ถ้าไปได้ยินเสียงร้องในบ้าน อย่าเอามาคืน ไม่ได้นะ

เด็ก ร.ร.จอมสุรางค์อุปถัมภ์ อยุธยา เขาก็เล่าให้อาตมาฟังว่า หลวงพ่อคะ หนูไปสอบพยาบาลหยิบเม็ดมะขามของหลวงพ่อไปไม่ได้บอก เอาเม็ดมะขามใส่กระเป๋าไป บอกว่า

มะขามช่วยหนูด้วย หนูสอบได้ที่หนึ่งเลย

เขาว่าอย่างนั้นก็แปลกดีนะจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าเราก็ไม่ทราบนะ มันไปสอบได้ของเขาเข้ามาพอเหมาะกันอีกคนหนึ่งไปเข้าแพทย์ได้ หนูแอบเอาเม็ดมะขามหลวงพ่อไป ๑๖ เม็ด เป็นหัวราชสีห์ หัวงู เขายังเอามาอวดเลย ขัดเสียสวย ใส่ถุงไว้ บอกว่าหนูสอบได้เลย  เอ! ก็เข้าท่า

แต่หนูอย่าไปหลงเม็ดมะขามนะว่าสอบได้ มันจะได้ด้วยหนูเองก็เป็นได้นะ  ก็บอกกับหนูเขาอย่างนั้น