บุญบันดาล

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

เพชรตาแมว

เจ้าเมืองพุก คุณนายเสงี่ยม ฤกษ์เสงี่ยม

จะเล่าเรื่องบุญดลบันดาล ยกตัวอย่างเรื่องจริง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ นายพุก ฤกษ์เกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี อยากได้เพชรตาแมว คุณนายเป็นอิสลาม ไม่เคยสวดมนต์ ชื่อเสงี่ยม  ท่านเจ้าเมืองพุก นำรถแทรกเตอร์มาช่วยพัฒนาวัด และเป็นรถคันแรกของจังหวัดสิงห์บุรี สมัยเก่านั้นที่วัดมีกอไผ่เยอะ ท่านก็นำรถมาไสกอไผ่ให้ ไสกอหนามพุงดอ  ท่านเจ้าเมืองชอบเครื่องรางของขลัง มาบอกว่าหลวงพ่อครับ ผมขอเพชรตาแมว ผมอยากได้จัง  อาตมาบอกว่า ท่านเจ้าเมือง อาตมาจะเอาเพชรที่ไหนได้เล่า อาตมาก็ไม่มีเพชรตาแมว แต่เอาละ ลองอธิษฐานดู ไปสวดมนต์ เจริญกรรมฐาน ถ้าท่านมีบุญวาสนาก็จะได้เอง

ทำไปทำมา ท่านเจ้าเมืองก็สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งกรรมฐาน เจริญวิปัสสนา ยังเอารถมาช่วยพัฒนาหลังวัด ตอนนั้นคุณไชยรัตน์ ดารามาศ เป็นผู้ตรวจราชการ ก็มาดูแลรถที่มาทำความสะอาดหลังวัดให้  พอท่านเจ้าเมืองสวดมนต์ได้ เจริญกรรมฐานได้ ก็มาบอกอาตมา แหม! เพชรตาแมว นึกว่าอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าอยู่ข้างวัดนี่เอง มีโยมข้างวัดคนหนึ่ง ชื่อปุ่น เป็นญาติกับโยมผู้ชายของอาตมา อาตมาเรียกว่าลุง เป็นตาของท่านปลัดประสิทธิ์ รองเจ้าอาวาส เคยไปเมืองลับแลที่วัดชีป่า ไปเลี้ยงควายแล้วหายไป ๗ วัน ตอนนั้นอายุ ๘๖ ปี พออายุ ๙๐ ปีก็ตาย ลุงปุ่นมีเพชรตาแมว

ตอนเช้าท่านเจ้าเมืองมาบอกว่า หลวงพ่อครับ ผมเอารถมาช่วยหลวงพ่อนะ ช่วยโน่น ช่วยนี่ ทำอะไรก็ทำเลย ต้องทดสอบ รถทางราชการเขาให้มา เป็นรถแทรกเตอร์คันเล็ก ๆ  “ผมสวดพาหุงมหากา-ได้ ๑๐๘ จบแล้วนะ อาตมาก็นึกว่าจะไปหาที่ไหนให้นะพอท่านเจ้าเมืองกลับไป อาตมาก็สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งกรรมฐาน แผ่เมตตา นึกถึงเจ้าเมืองพุก เขามาช่วยเรานะ ช่วยวัดวาให้เตียน แล้วเขาก็นั่งกรรมฐาน ขอเทพเจ้าดลบันดาลด้วยเถิด ถ้าเป็นบุญของเขา เป็นสมบัติของเขา พอบ่าย ๓ โมง ลุงปุ่นถือไม้สักเท้ามาแล้ว ยันหน้า ยันหลัง เคยไปได้ของดีมาจากเมืองลับแล เดี๋ยวนี้ยังอยู่ที่อาตมา เมืองลับแลก็คือเมืองสวรรค์ นรกที่มันลับแล มองไม่เห็น เป็นภาพซ้อน ลุงปุ่นมาหาแล้วบอกว่า ผมจะมาคุยกับท่านสักหน่อย มีผ้าขี้ริ้วห่อของมาห่อใหญ่ แล้วก็เปิดให้ดู บอกว่าของเหล่านี้ได้มาจากเมืองลับแล ส่วนสิ่งนี้ผมถวายท่าน

ส่วนตัว

อาตมาถามว่า อะไรหรือ  ลุงปุ่นตอบว่า เพชรตาแมว  โอ้โฮ! อาตมาพูดไม่ออกเลย ช้อคเลย อะไรเป็นอย่างนี้ บุญดลบันดาลได้จริง ตื่นเต้น เงียบไปพักหนึ่ง ตอนนั้นลุงอายุ ๘๖ ปี

ลุงก็บอกว่า ผมใกล้ตายแล้ว ผมฝันไป ๓ คืนแล้ว ผมมีลูกหลายคน มันแย่งกัน เพชรตาแมวของผม นี่หายไปตั้งปีนะท่าน ผมมาจากเมืองลับแลที่วัดชีป่า พอกลับมาก็ฝันโน่นฝันนี่ มีแมวมาหา มาแล้วก็ตายอยู่ ๗ วันก็ไม่เน่า ตอนดึก ๆ มันร้องแป๊ว ๆ ที่คอกควาย ก็เดินไปดู นึกแปลกใจว่า เอ๊ะ! แมวทำไมร้องได้ ตายไปแล้วนี่นา พอนึกถึงไปเมืองลับแลได้ ก็ไปแกะตา พอตาหลุดแมวเหม็นเน่าทันทีเลย ก็เก็บไว้ พอดีผ้าห่อไม่มี ก็เอาผ้าโจงกระเบนเก่า ๆ ของภรรยา ซึ่งขาดแล้วมาห่อเพชรตาแมว เก็บไว้ อยู่ต่อมาก็จะอวดลูก แล้วจะได้แบ่งให้ลูก ๆ พอแก้ห่อออกมา ไม่มีเพชรตาแมวเลย มีแต่ผ้านุ่งที่ห่อไว้

ต่อมาอีกประมาณปีหนึ่ง เพชรตาแมวก็กลับคืนมาอยู่ที่พานบูชาพระ ก็จำได้เลยใช้ผ้าห่อใหม่ และก็นำมาให้อาตมาในวันนั้น  และอีกสองก้อนที่ได้มาจากเมืองลับและอาตมาก็รักษาไว้ อาตมาก็ตื่นเต้นดีใจรถเจ้าเมืองยังอยู่วัดนี้ ท่านรอคนขับรถทำอะไรให้เสร็จแล้วก็ทานข้าวด้วย

พอเจ้าเมืองมาหา อาตมาก็ส่งให้กับมือ เจ้าเมืองน้ำตาร่วงเลย มือสั่นหมด คุณนายก็มาด้วย นี่บุญดลบันดาลได้จริง แต่ผู้นั้นต้องเจริญกรรมฐาน ถ้าหากว่าอดีตชาติเคยเป็นของเขา ต้องได้แน่ ๆ ไม่ผิดหวังหรอก อธิษฐานน่ะ เขาเรียกตั้งปณิธานในใจ คือการอธิษฐานเหมือนโยมตั้งว่า จะนั่ง ๑ ชั่วโมง ถ้าไม่ได้ ๑ ชั่วโมงอย่าเลิก เสียอธิษฐาน ปณิธานในใจเสียละก็สัจจะหมดไป จะอธิษฐานอะไรไม่ขึ้น ขอฝากไว้ด้วยนะ อธิษฐานไม่ขึ้น ทำอย่างไรก็ไม่ขึ้น

อาตมาลองถามแหย่ดูว่า ลุง เอามาให้อาตมาไว้ทำไม ลุงก็บอกว่า ท่านเอ๋ย ลูกหลายคน มันแย่งกัน ผมเห็นว่าท่านมีประโยชน์ในวันหน้า ท่านยังหนุ่มอยู่ ผมก็ ๘๖ แล้วนึกว่าวัดนี้ต้องเจริญ เพราะคนเมืองลับแลมันบอกผม”   “คนเมืองลับแลมาเข้าฝันก่อนที่จะได้เพชรตาแมว บอกว่าท่านจะเจริญ และท่านจดไว้นะ จะเจริญอย่างไร ผมก็แก่แล้ว ไม่ช้าผมก็ตาย  นี่เล่าเหตุการณ์เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๐ ผ่านมาแล้ว

 

หลวงพ่อเสกเงิน

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
๑  มี.ค. ๓๔

รอยพระพุทธบาทคู่ วัดสระมรกต อ.โคกปีบ จ.ปราจีนบุรี

นี่บุญดลบันดาลได้จริง แต่ต้องนั่งกรรมฐาน ถ้าไม่นั่งกรรมฐานไม่มีทาง ต้องได้ด้วยการไปซื้อมา แต่บุญกรรมฐานไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องหามาเอง ในที่สุด เจ้าเมืองก็นำไปทำแหวนใส่ มีความเจริญเรื่อยมา และเป็นคนมีศีลธรรม และนั่งเจริญกรรมฐาน ลูกสาวเรียนหนังสือได้สำเร็จแพทย์ คนโน้นก็สำเร็จ คนนี้ก็สำเร็จ เห็นจะเป็นด้วยอำนาจบุญกุศล เห็นจะเป็นด้วยอำนาจบุญกุศล และก็มีความสุขความเจริญสืบมา อยู่มาไม่นานคุณนายอยากได้ขึ้นมาเสียอีกแล้ว มาที่วัดเอง ไม่ได้บอกเจ้าเมือง ให้เรือขับมาส่งอาตมาถาม เอ้า! คุณนายมาอย่างไร คุณนายก็บอกว่า “ฉันก็อยากได้บ้างซิ    เอ้า! อยากได้บ้างต้องทำบุญนะ ต้องตักบาตรทุกวันนะ ต้องสวดมนต์บทนั้นให้ได้นะ ลองทำดูซิถ้าเป็นบุญของคุณนายคงจะได้นะ และต้องนั่งกรรมฐานด้วยนะ

คุณนายเป็นคนอิสลาม รับรองทำไม่ได้ คุณนายบอกว่า ขาฉันไม่ดี ขาเป๋ เดินเขย่ง ๆ  อาตมาบอก ขาเป๋ก็ต้องเดินจงกรม ไม่อย่างงั้นไม่ได้   นี่ความอยากได้อันนี้ก็ทำให้เจริญกรรมฐานเป็นขั้นต้น ไม่ใช่ศรัทธานะ ไม่ได้มีศรัทธาหรอก อยากได้เพชรตาแมวมากกว่า อยากได้มาก ขาเป๋ก็ต้องเดินอาตมาให้คุณนายเดินจงกรม นั่งกรรมฐาน สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ให้เท่าอายุเกิน ๑ จบ แล้วสวดพาหุงมหากาฯ

คุณนายก็มีสัจจะเกิดศรัทธา เดินจงกรม นั่งกรรมฐานได้ดีกว่าสามีอีก ใส่บาตรทุกวัน และมีคุณแม่อิสลามอยู่ที่อยุธยา บ้านคลองตะเคียน มีเรือขายเครื่องเทศสมัยเก่า ก็พลอยอนุโมทนาด้วย และก็ทำบุญตักบาตร อิสลามก็ตักบาตรสืบมา คุณนายก็สวดมนต์เสมอ ทำไปทำมานึกว่าเพชรตาแมวจะอยู่ที่ไหนหรือ ปรากฏว่าอยู่ข้างวัดชลอนนี่เอง เขาจะให้ลูกรึ ก็มีลูกหลายคน อาตมาไปขอเช่าบอกว่าให้หมื่นหนึ่งเอาไปเลย เขาบอกว่าไม่ได้ แสนหนึ่งก็ไม่ให้ท่าน

อาตมาก็คิดว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นของคุณนายก็ต้องไป อันนี้แหละได้พบมาแล้ว พออยู่มาได้หน่อยหนึ่ง คุณนายก็มาวัด มานั่งกรรมฐาน แต่มาด้วยศรัทธาแล้วคราวนี้ ทีแรกไม่ศรัทธานะ ข้าจึงไม่ให้เช่า จำไว้อย่างหนึ่งนี่เป็นเทคนิค ต้องทำด้วยศรัทธา

ถ้าทำโดยเสียไม่ได้ อยากได้เป็นกิเลส ถ้าทำด้วยศรัทธา ทำด้วยความปีติยินดี ทำด้วยบุญกุศลของตนเองนี่ไม่ใช่กิเลส มันถึงจะได้ พอถึงคราวได้เป็นอย่างไร สองสามีภรรยาปรึกษากัน และวันนั้นทำขนมปลากริมไข่เต่า หาบแกงมาเลี้ยงพระ มากัน ๓ คน สมัยนั้นพระทั้งวัดมีไม่เกิน ๑๕ องค์

เมื่อพระฉันภัตตาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พากันมาหาอาตมาที่กุฏิ มีดอกไม้ ธูปเทียน มาเรียบร้อย มาบอกว่า ท่านครับ ผมเอาเพชรตาแมวมาถวาย” อาตมาก็ตกใจ ขอซื้อหมื่นหนึ่ง เขาบอกว่า แสนหนึ่งก็ยังไม่ขายให้ นี่ถวายฟรี! นี่คือ บุญดลบันดาลจากกรรมฐานนะ มันเป็นของคุณนายเขา ผลสุดท้าย เจ้าเมืองสามีภรรยาได้ไปทั้งคู่เลยในเวลากาลต่อมาก็ย้ายจากสิงห์บุรีไป สุดท้ายปลายทางก็ปลดเกษียณ บัดนี้ถึงแก่กรรมหมดแล้ว อาตมาไปงานศพทั้ง ๒ คน ศพเจ้าเมืองไม่ได้เผา มอบให้แก่โรงพยาบาลศิริราช ให้หมอศึกษาต่อไป

ตอนหลังคุณนายเสงี่ยม ผู้เป็นศรีภรรยาก็ตาย พอตายแล้ว อาตมาไปสืบถามลูกว่า เพชรตาแมวอยู่ที่ไหน ไม่มีใครได้เลยนะ หายไปเลย แสดงว่าลูกไม่มีบุญนะ หายไปเลย ก็เรียกรวมตอนที่คุณนายเสงี่ยมตาย ไม่มีใครได้ทั้งลูกหลาน ไม่ทราบว่าหายได้อย่างไร อยู่แต่แหวน เขาก็นำมาให้อาตมาดู ไม่มีหัว อาจจะเป็นโจรกรรม หรือใครลักไปก็จะเป็นได้ ไม่แน่นอน หรือหายไปเองด้วยบุญกุศลของเขาไม่มีอย่างไรก็ไม่ทราบ อันนี้เป็นที่ค้นเดาลำบาก ขอฝากพี่น้องไว้ด้วย นี่บุญดลบันดาลได้จริงนะ แต่ต้องนั่งกรรมฐาน หลวงพ่อเสกเงิน

บุญบันดาลได้จริงขอให้ตั้งสัจจะ เมื่อเร็ว ๆ นี้ อาตมาไปที่จังหวัดปราจีนบุรี ไปงานฉลองพระพุทธบาท มีการแสดงของนักเรียนรำถวายพระพุทธบาท มีปี่พาทย์นาฏศิลป์ลพบุรีและของกรมศิลปากรผสม รำเป็นชุด ชุดภาคเหนือ ชุดภาคกลาง ชุดภาคอีสาน ชุดภาคใต้ รำแต่ละภาคไม่เหมือนกัน

มีพระสงฆ์ไปในงาน ๒,๕๐๐ รูป ไม่มีใครให้รางวัลเลย เจ้าของท้องที่ก็ไม่คิดจะให้กำลังใจเด็กที่รำ อาตมาก็ไม่ได้เตรียมของไป พวงมาลัยก็ไม่มี  ถามเจ้าเมือง (นายประมวล รุจนเสรี) ว่ามีรางวัลแจกเด็กไหม ท่านก็บอกว่า หลวงพ่อไม่ต้อง แต่ละอำเภอเขาเอามากัน เอ! อาตมาว่าต้องนะ ต้องให้กำลังใจเด็ก เด็กกำลังเรียนหนังสือ เป็นเด็ก ๆ กำลังเรียนหนังสือจะได้มีกำลังใจ เครื่องแต่งตัวก็ราคาตั้งหลายมาร้องรำทำเพลง ก็ควรให้กำลังใจเขาบ้าง

โยมเอ๋ย อาตมามีแค่ ๑,๐๐๐ บาท คนตั้ง ๔๐ คน แจกคนละ ๑๐๐ บาท ต้องใช้เงินทั้งหมด ๔,๐๐๐ บาท ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี ถามว่า หลวงพ่อวัดอัมพวันสตางค์พอหรือ   อาตมาบอก ขอยืมหลวงพ่อหน่อยได้ไหม ท่านบอกว่า ขอยืมทำไม จะไปให้รางวัลทำไม

ถ้ายังงั้นก็เลิกพูดกัน ก็เห็นในย่ามของท่านมีนี่ เมื่อตะกี้เขามาถวายท่านตั้งเยอะ อาตมาก็แจกคนละ ๑๐๐ บาท ชุดหนึ่งก็ ๕ คน หมดไปแล้ว ๕๐๐ บาท แล้วชุดที่สองออกมา ๖ คน คนละ ๑๐๐ ก็ต้องใช้อีก ๖๐๐ บาท เงินไม่มี ๑,๐๐๐ เดียวก็ไม่พอแล้ว ชุดหลังเงินไม่พอ อาตมาก็นับๆๆๆ นับเท่าไรก็ไม่พอ ถามท่านเจ้าคุณอีกองค์หนึ่ง มีตังค์ไหม ขอยืมหน่อย ท่านตอบว่า อยู่ที่เด็ก”  ไม่เป็นไร เดี๋ยวจะแก้ปัญหา ก็คิดว่าถ้าไม่มีก็ให้จดเชื่อเด็กส่งทางไปรษณีย์ก็ได้ ก็คงจะแก้เป็นประเภทสอง

แต่อย่าเลยบอกพระอินทร์เทวดาว่าบุญกุศลมีจริงโปรดได้ทิ้งเงินมา ณ บัดนี้ พระอินทร์บอกไม่ได้! ถ้าทิ้งมาคนอื่นก็เก็บหมดซิ ท่านไม่ทันไปเก็บหรอก เอ! เอาอย่างไรล่ะ พระอินทร์หานโยบายให้อาตมาหน่อยซิ นี่เรื่องจริงนะ เราก็นับๆๆๆ ไม่มีใครมองเลย มีผู้กำกับ พ.ต.อ.วิชิต กับคุณนายสุวคนธ์ สังข์สุวรรณ เคยเป็นอาจารย์สอนที่จังหวัดสิงห์บุรี แล้วย้ายไปสอนที่จังหวัดปราจีนบุรี สามีเป็นผู้กำกับ เขาก็มองดูเรา เราก็มองดูเขา ก็พูดกันทางสายตา สายตาเขามองดูเราว่า สตางค์ไม่พอหรือ ตาพูดได้ไหม ขนาดเจ้าเมืองปลัดจังหวัด รองผู้ว่า อดีตรัฐมนตรีก็นั่งเป็นแถว นุ่งขาวหมด ผู้กำกับก็นุ่งขาว คุณนายสุวคนธ์ก็นุ่งขาว อาตมาก็เห็นหนอๆๆ คุณนายก็ควักๆๆๆ มา เอาซองใส่หนอ ม้วนหนอ อ้อมมาข้างหลังหนอ แล้วอาตมาก็เตรียมรับหนอ อยู่ข้างหลัง

พระที่นั่งอยู่ด้วยกันไม่มีใครรู้เลย ไม่มีกรรมฐาน มัวเห็นหนอที่เขารำ อาตมาก็รับหนอ กำไว้หนอ นี่เป็นไหม บุญดลบันดาลได้ ใครไม่เชื่อไม่ว่ากันนะ อาตมาก็เอาเงินมานับๆๆ พอนับเสร็จแล้วได้ ๕,๐๐๐ บาท ไม่มีใบละ ๕๐๐ เลย เขารู้ว่าเราให้คนละ ๑๐๐ เขาอุตส่าห์ควักแล้วควักอีกใบละ ๑๐๐ ทั้งนั้น ไม่ต้องยากในการให้ บุญดลบันดาลได้อย่างนี้ และเขาไม่มีพูดอะไรกับเราพอมาถึง เขาพูดว่า แหม! หลวงพ่อเก่งจัง เตรียมผ้ารับทันพอดี  มีม่านอยู่ข้างหลัง และพระก็นั่งอยู่ข้างหน้าเราเป็นแถว ไม่ได้มองข้างหลัง

คุณนายเดินอ้อมไปท้ายแถว แล้วย้อนมา อาตมาก็ไม่ได้หันไปดู แต่เตรียมผ้ากราบคลี่ออกไปรับหลังม่าน พอรับเสร็จก็พับ มีเทคนิคนิดหน่อย พระไม่รู้เลย    ฝ่ายเจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี บอกหลวงพ่อวัดอัมพวันเงินพอหรือ ผมก็ลองเสกดูนะหลวงพ่อนะ เงินมันขาดมีมาพันเดียวอาตมาก็จับผ้ารับมา ท่านก็มองใหญ่    “ผมจะเสกเงินน่ะซิ ขอยืมหลวงพ่อไม่ให้นี่

เขาก็มองจัง อีกองค์หนึ่งบอกว่า หลวงพ่อใช้คาถาบทไหนล่ะ

เอ๋! จะมาเรียนคาถาหน้าธารกำนัลไม่ได้

อาตมาก็เป่าพรึม ทำเป็นหล่นร้องโอ้โฮกันใหญ่ มาอย่างไรเล่านะ พอแจกเลย ยังเหลือ ๑,๐๐๐ บาท   ขอให้ศรัทธาจริง ๆ เถอะเงินงอกได้จริง ๆ หรือว่าจะเสกเงินได้ถูก สำคัญจะทำหรือไม่ทำ ถ้าเสียดาย เงินหดเลย ไม่ได้แน่ ๆ