วันชำระหนี้สงฆ์

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
๓๑ ธ.ค. ๓๒

วันนี้เราโชคดี ได้มีโอกาสทำบุญสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อให้หมดเสนียดจัญไร เพื่อไม่มีเวรกรรม มีแต่บุญวาสนาส่งเสริมชีวิตตลอดไป

ท่านสาธุชนทั้งหลาย โปรดไปตัวเปล่า มาตัวเปล่า อย่าให้เป็นหนี้ใครติดตัวไป ขอให้ปลอดภัยตลอดปี ๒๕๓๓ จะได้มีความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป

ขอท่านผู้ใจบุญ โปรดหลุดพ้นเสียจากหนี้สินในตัวเอง คือ กิเลสนิทรา ราคัคคิ โทสัคคิ โมหัคคิ  โปรดทิ้งทอดมันเสียด้วย อโหสิกรรม อย่าได้เก็บไว้ในจิตใจให้เศร้าหมองต่อไป ประสบพบแต่โชคดี มีปัญญา ตลอดปีใหม่ตลอดกัลปาวสาน

วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๒ ใกล้จะสิ้นปีอีกไม่กี่ชั่วโมง จะถึงพุทธศักราช ๒๕๓๓ เราจะได้ประกอบมงคลพิธีอันยิ่งใหญ่ คือ การใช้หนี้สงฆ์

ได้อาราธนาพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์บทใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มีคนฟังอยู่ ๕ คน คือ   ปัญจวัคคีย์ เรียกสั้นๆ ว่า “ธรรมจักร” ได้ขยายผลวิเศษกว้างขวางตั้งแต่โลกมนุษย์จนถึงพรหมโลก เพราะอาศัยพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระบรมศาสดา เราได้อาศัยแสงสว่างจากพระธรรมส่องทางชีวิต จึงเป็นหนี้พระพุทธเจ้ามามากมายหลาย เป็นหนี้พระพุทธเจ้ายังไม่พอ ยังเป็นหนี้พระเดชพระคุณองค์มหาบพิตรพระราชสมภารเจ้า ที่เราได้เข้ามาอยู่ใต้ร่มโพธิ์ทองของพระองค์ด้วยความสุข ความเจริญอย่างหาประมาณมิได้

นอกเหนือจากนั้น เรายังเป็นหนี้บุญคุณผู้หลักผู้ใหญ่ ที่ปลุกปล้ำบำรุงเราให้เติบใหญ่ มีหลักฐาน มียศฐาบรรดาศักดิ์ เราจึงเป็นหนี้บุญคุณของท่านเหล่านั้นอีกไม่ใช้น้อย เราก็ต้องตอบแทนท่านด้วยการสนองพระเดชพระคุณให้เป็นทวีคูณ

หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่เหลือจะนับจะประมาณนั้น คือ หนี้พระคุณของบิดา มารดา

ท่านพังเพยเปรียบเทียบสั่งสอนมาสองพันกว่าปีแล้ว ว่าจะเอาท้องฟ้าหรือแผ่นดินมาเป็นกระดาษ เอาเขาพระสุเมรุมาศมาเป็นปากกา จะเอาน้ำมหาสมุทรเป็นน้ำหมึกวาด ก็ไม่สามารถจารึกพระคุณของบิดามารดาไว้ได้ เพราะน้ำมหาสมุทรจะเหือดแห้งหมด ก่อนที่จะจารึกพระคุณบิดามารดาได้จบสิ้น

คนอื่นที่เป็นเพื่อนที่รักจนยอดหัวใจก็ยังมีโทษต่อตัวเรา รักเราไม่จริงเหมือนบิดามารดา เขาพึ่งเราได้ เขาจึงมารักเรา ของฝากกลอนสุนทรภู่ไว้ในที่นี้
อันข้าไทได้พึ่งเขาจึงรัก

แม้ถอยศักดิ์สิ้นอำนาจวาสนา

เขาหน่ายหนีไม่ได้อยู่คู่ชีวา

แต่วิชาช่วยกายจนวายปราณ

หนี้บุญคุณพ่อแม่เมื่อครั้งอดีตชาติ เมื่อชาติก่อนก็ยังใช้ไม่หมด มามีพ่อแม่ในชาตินี้ก็ยังใช้ไม่หมด ตายจากชาตินี้ไป มีพ่อใหม่แม่ใหม่ชาติโน้น อนาคตก็ยังใช้ไม่หมดสิ้นอีก

นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากหลาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึกรามมาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้แล้ว เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น

นอกเหนือจากนั้นยังเป็นหนี้ตัวเอง ตัวเองเกิดมาแสนจะลำบากกาย ลำบากใจ กว่าจะเจริญวัยชันษา มีอายุเหยียบย่างมาถึง ๔๐ – ๕๐ ปีก็ยาก ไม่นึกถึงบุญคุณตัวเอง เลยตัวเองก็ไม่สงสารตัวเอง ไม่รักตัวเอง ทำชั่วช้าสามานย์ กินเหล้าเมาสุรา นี่คนประเภทไม่รักตัวเอง

คนไม่ทำกิจวัตร ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่รับผิดชอบ แปลว่าคนนั้นเกลียดตัวเอง กินเหล้าเมาสุรา เล่นการพนัน เที่ยวเสสรวลฮวลฮา กินโต้รุ่ง พ่อแม่ก็เสียใจ ยังไปว่าพ่อแม่ ไปทวงหนี้ เอาทรัพย์สมบัติพ่อแม่มาฉุยแฉกแตกราน นี่คือลูกสะสมหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้ละ

วิธีใช้หนี้พ่อแม่ไม่ยากเลย ลูกหลานเอ๋ย จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และก็เป็นการใช้หนี้ตัวเองนี่เป็นเรื่องสำคัญ ตัวเรา พ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองแล้วอยู่ในตัวเรา จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหนอีกเล่า

คนใช้หนี้ตัวเอง คือ สร้างความดี ละความชั่ว เว้นอบายมุข การหาความสุขในอบายมุขเป็นการสร้างหนี้ตัวเอง ทุคติ ปาฏิกังขา ตายไปนรก มีหนี้ติดไปด้วย หนี้บุญคุณไม่มีหมด ต้องติดตามไปทวงหนี้ท่านทั้งหลายในอนาคต ถึงไปตกนรกอยู่ในคุกตะราง หนี้สินก็ตามไปทวงอีก เว้นแต่ผู้ที่เป็นบัณฑิต เขาจะไม่ทวง เพราะคนไปติดตะราง คนอยู่ในกองทุกข์ไปทวงไม่ได้ เพราะไม่มีจะให้ อย่าไปทวงเขาเลยนะ เป็นทุกข์เปล่าๆ

ถ้าใช้หนี้ตัวเองได้ ก็สร้างความดีเพิ่มขึ้น ความชั่วก็ออกไป หนี้สินผูกพันอย่าให้อยู่ในจิตใจ สุคติ ปาฏิกังขา หนี้หมดไปสวรรค์ หนี้ยังมีอยู่ก็ต้องไปนรก

คนที่รักตัวเอง ต้องใช้หนี้ตัวเอง พระพุทธเจ้าสอนว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ ตนเท่านั้นเป็นที่พึ่งของตน

กงเต๊กเขายังทิ้ง ๔ บ่อ เอาไปใช้หนี้เก่า เอาไปฝากไว้ เอาไปฝังไว้ เอาไปทิ้งเหว อย่างนี้นะ

  • ใช้หนี้เก่า คือ ตอบแทนพ่อแม่ของเรา
  • ฝังไว้ หมายความว่า เอาไปให้พวกยากจน อาจจะไม่ตอบแทนก็ช่าง
  • ฝากไว้ เอาไปช่วยเขาเลี้ยงดูอุปการะลูกเด็กเล็กแดงของเรา โตขึ้นเขาก็จะใช้หนี้เลี้ยงดูเราต่อไปในอนาคต
  • ทิ้งเหว ก็กินทุกวัน กินเข้าไปไม่รู้จักเต็ม คือเอาไปทิ้งเหว กินเข้าไปแล้วยังไม่ได้ทำงาน ยังไม่มีกิจกรรมให้ดี ก็เป็นหนี้ตัวเองต่อไป

โลกมนุษย์นี้ มีมนุษย์ใจสูง ขี้เกียจ ไม่มีเพื่อน ไม่มีเงิน เพราะไม่มีงานทำ งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข จงทำงานให้สนุก มีความสุขในการทำงาน เงินไหลนอง ทองไหลมา

คนเกิดมาดี มีปัญญา คนนั้นอยู่รอดปลอดภัย คนไหนปฏิบัติธรรมไปรอดแน่ คนไหนไม่มีคุณธรรม ไม่ปลอดภัย ถึงมีความรู้สูงอย่างไร ก็เอาตัวไม่รอด

ถ้าเราใช้หนี้ตัวเองด้วยการทำงานให้แก่ตัวเอง ทำงานในการเรียนหนังสือ ทำงานในการสร้างหลักฐานขึ้นมา อย่างนี้ใช้หนี้ตัวเอง เกิดมาอย่าให้เสียชาติเกิด ถึงจะอยู่ในโลกมนุษย์ก็ตาม พยายามสร้างความดีเป็นการใช้หนี้ตัวเอง มีความหมายอย่างนี้

เมื่อสมัยอาตมาเป็นเด็กอยู่ที่วัดศรัทธาภิรมย์ เขาเรียกวัดใหม่ศรัทธาราษฎร์ เวลาไปวัด ยายก็ให้นำก้อนดินใส่กระบุงหาบไปทุกวันพระ ถามยายว่าเอาไปทำไม ยายบอกว่า เอาไปใช้หนี้สงฆ์นะ หลาน

หนี้สงฆ์เป็นอย่างไร ยายอธิบายให้หลานฟงัซิ ยายบอกว่า เออ! หลานเอ๋ย เราไปเหยียบดินวัดติดเท้ากลับมา เป็นหนี้สงฆ์ เราจึงต้องเอาก้อนดินไปใช้หนี้วัด

เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เอาควายไปเลี้ยงในวัดตัดต้นไม้วัดเลย พอพระท่านพูดขึ้นก็ทะเลาะกับพระ คนประเภทนี้ เป็นลูกศิษย์เถรเทวทัต ลงนรกโลกันต์ ถูกลมเกย์พัด ถูกไฟไหม้ ถูกโจรกรรม ถูกกฏแห่งกรรมลงโทษตายเรียบ ขอฝากท่านไว้ จงสร้างความดีใช้หนี้ตัวเอง จึงมีประโยชน์ต่อชีวิต

คนเราเป็นหนี้กันทั้งนั้นแหละ หนี้อะไรหนอที่ใช้ไม่มีหมด หนี้บุญคุณนะ ท่านทั้งหลายผู้เป็นบัณฑิตโปรดคิด บุญคุณไม่มีหมด ไปขอยืมเงินเขามา หนึ่งพันบาท ใช้วันละร้อยเดี๋ยวก็หมด หมดแล้วก็เลิกกัน

แต่หนี้บุญคุณ โบราณเขาบอกว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย ถ้าซื่อกินไม่หมด หลั่งไหลมาเรื่อย หนี้บุญคุณไม่มีหมดหรอก ไปช่วยเขาทำนา ช่วยบ้านโน้นบ้านนี้ เขาจะไม่ลืมพระคุณเลย

นอกเหนือจากไปช่วยบ้านอันธพาล มันจะลืมบุญคุณคนได้ ถ้าไปช่วยบ้านบัณฑิตผู้มีปัญญาแล้ว เขาจะไม่ลืมพระคุณเลย

เพราะฉะนั้นคนเราจึงไม่ลืมพระคุณบิดามารดา พระคุณอุปัชฌาย์อาจารย์ จะไม่ลืมพระคุณสถานที่ ไม่ลืมพระคุณแหล่งให้เกิดวิชา จะใม่ลืมแหล่งให้เกิดความดี หมั่นไปมาหาสู่กัน จะไม่ลืมพระคุณของตัวเองว่าตัวเราเกิดมายาก ต้องสร้างความดีใช้หนี้ตัวเอง การที่จะใช้หนี้ตัวเองก็สร้างความดีให้มากขึ้น ทำงานให้มากขึ้น ทำความดีให้ปรากฎชัด อย่างนี้ซิ เรียกว่าใช้หนี้ตัวเอง

เดี๋ยวนี้เราไม่สงสารตัวเองแล้ว กินเหล้าเข้าไป ทรัพย์สมบัติพ่อแม่ให้มาก็ขาย แจกจ่ายไปหมด ไม่มีเหลือเลย ตัวเองก็จะขายตัวกิน ขายตัวเองเขาก็ไม่เอาอีก เพราะขี้เกียจเช่นนี้ ขอฝากท่านสาธุชนเป็นข้อคิดในวันใช้หนี้สงฆ์

ใช้หนี้ก็ต้องสร้างความดี เป็นการใช้หนี้พระคุณศรีรัตนตรัย ใช้หนี้พ่อแม่ ใช้หนี้ตัวเอง ต้องสร้างความดีให้มันยิ่งใหญ่ เหมือนสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถมีพระราชดำรัสไว้ในวันแม่เมื่อ ๑๐ ปีที่ผ่านมา อาตมาจำได้

“พ่อแม่ทั้งหลายเอ๋ย จงสร้างบ้านเมืองให้ยิ่งสุข ลูกเอ๋ย จงสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ ช่วยตัวเองนะ ลูกนะ หาวิชาความรู้พึ่งตัวเองต่อไป”

ลูกเอ๋ย จงสร้างชาติให้ยิ่งใหญ่ คือ สร้างตัวเองให้ใหญ่ ให้ปกครองตัวเองได้นะลูกนะ นี้เป็นการใช้หนี้ตัวเอง พ่อแม่ก็สร้างบ้านเมืองให้ยิ่งสุข ไว้ให้ลูกอยู่ ผูกอู่ให้นอน  ให้วิชาความรู้ทุกประการ

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมพุทธเจ้า เมื่อกาลครั้ง ๒,๐๐๐ กว่าปี พระองค์ทรงเสด็จบรรพชา ไม่ได้เอาสมบัติของพระราชบิดาไปเลย ไปแต่ตัวเปล่าๆ ไม่มีอะไรเลย ร้อนถึงพระจักรินทร์เทวราช เอาผ้ากาสาวพัสตร์มาถวาย ที่แม่น้ำอโนมานที สร้างความดีด้วยการบรรพชา

พระองค์เป็นโอรสจักรพรรดิ์ มีเงินหลายโกฏิ สตางค์เดียวไม่เคยขอพ่อแม่เลย มาตัวเปล่า ไปตัวเปล่า ไปสร้างความดีในโลกมนุษย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนบัดนี้

พระพุทธเจ้าของเรา รวยทรัพย์ รวยชื่อเสียง รวยความเป็นบรมครูสอนประชาชน ให้ทรัพย์ มีคุณสมบัติ มีชื่อเสียง มีความรักต่อกัน ทำให้วัดวาอารามรุ่งเรือง ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว สง่างามเพราะความรวยของพระพุทธเจ้า แต่พระสงฆ์บางพวกไม่รวย ไม่มีน้ำใจ เพราะเหตุใดใช้หนี้ญาติโยม

พระบรมศาสดา ตรัสแก่พระอานนท์ศรีอนุชาว่า

ดูกรอานนท์ บัดนี้ อานนท์เอ๋ย เราเป็นนักบวช เป็นหนี้ชาวแว่นแคว้น เป็นหนี้ญาติโยมมากหลาย ดูกรอานนท์ศรีอนุชา จงใช้หนี้โยมเขา จงใช้หนี้ชาวแว่นแคว้นเขา ใช้ค่าข้าวสุกเขา ใช้ค่าปัจจัย ๔ เขานะ อานนท์

“ดูกรภิกขเวสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรในพระธรรมวินัย อย่าทำตัวร้ายแรงต่อสังคม ขอพระสงฆ์จงทำตัวให้เป็นประโยชน์สุขต่อสังคม กิจกรรมของพระสงฆ์จงเป็นเอกภาพรวมสามัคคีกัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

พระองค์จึงสอนให้พิจารณาปัจจัย ๔ สอนพระภิกษุให้ใช้หนี้ญาติโยม ด้วยการพิจารณาปัจจัย ๔ มีจีวร บาตร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานเภสัช อย่านิ่งดูดาย บริโภคของโยมโดยไม่พิจารณา

จีวร ผ้าผ่อนท่อนสไบ ญาติโยมน้อมมาถวาย พระสงฆ์ต้องเคร่งครัดในสีลาจารวัตร และพิจารณาปัจจัยทุกครั้งที่ใช้นุ่งห่ม

บิณฑบาต โยมมาใส่บาตร ให้พระสงฆ์ฉัน พระแต่ละรูปก็เป็นหนี้โยม แต่ละเม็ดข้าวสุกแล้วทำไมไม่ใช้หนี้โยม พระพุทธเจ้าสอนให้ใช้หนี้โยมเช่นเดียวกัน

เสนาสนัง กุฏิที่อยู่ ที่กินสะอาด มาบวชแล้วไม่ใช้หนี้โยม ไม่ช่วยกันกวาด ไม่ช่วยกันทำ คนที่ไม่รักษาของเขา เป็นหนี้สงฆ์ สงฆ์ก็เป็นหนี้ประชาชน ไม่ได้รักษาของประชาชนไว้ เป็นสมบัติของสงฆ์ ให้คงทนแต่ประการใด เลยก็เป็นหนี้สงฆ์เหมือนกัน ไม่ใช่โยมเป็นหนี้อย่างเดียวนะ พระสงฆ์เป็นหนี้ด้วย เป็นหนี้ใคร เป็นหนี้โยม

โยมถวาย สังฆทาน ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชยามะ ถวายเป็นของสงฆ์ พระสงฆ์จะใช้ส่วนตัวไม่ได้ ต้องเอาไปใช้หนี้สงฆ์ เอาไปให้สงฆ์ใช้เฉลี่ยกันไป ด้วย ๔ ประการ

ส่วนที่ ๑ ถวายพระพุทธเจ้าส่วนหนึ่ง

ส่วนที่ ๒ ถวายสงฆ์ที่ไม่มี – ขาดแคลน

ส่วนที่ ๓ ถวายผู้ทรงศีลทรงธรรม

ส่วนที่ ๔ ถวายแก่เปตชน ผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นทักษิณานุปทาน

เป็นหนี้โยมด้วยนะ รับรองกินกับนอน ตายแล้วไปเป็นเปรต พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ ตายไปแล้วจะไปกินก้อนกรวดก้อนทองแดงในเมืองนรกแน่นอนที่สุด

เดี๋ยวนี้ พระที่วัดนี้ตายไปหลายองค์ กำลังกินก้อนกรวดก้อนทองแดงอยู่ในเมืองนรก ไม่เคยใช้หนี้โยมเลย ใช้หนี้โยมต้องสร้างความดี อย่างนี้เป็นการใช้หนี้ญาติโยม

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อานนท์ศรีอนุชา บัดนี้เราเป็นหนี้ชาวแว่นแคว้น เป็นหนี้ข้าวสุก ข้าวสาร เป็นหนี้ปัจจัย ๔ จีวร บิณฑบาตร เสนาสนะ คิลานเภสัช จะต้องใช้หนี้โยมเขา”

ใช้หนี้อย่างไรล่ะ ใช้หนี้โดยการสร้างประโยชน์ให้แก่โยมเขา  พัฒนาจิตให้โยมด้วย พัฒนาการศึกษาให้โยมด้วย พัฒนาสังคม พัฒนาเศรษฐกิจ ให้โยมมีอาชีพการงานด้วย พัฒนาสังคมให้โยมเขาอยู่อย่างมีความสุข ด้วยเมตตา ปราณี อารี เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูกัน อย่างนี้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์

ฉะนั้นท่านสาธุชนโปรดทราบ นี่ผ้ากราบ เวลาโยมเอาของมาถวาย พระท่านจะรับประเคน ถ้าเป็นจีวร พระท่านบอกว่า ยถาปัจจะยัง จีวะรัง ปะฏิเสวามิ นี่ใช้หนี้โยมแล้ว จะต้องว่านะ

ถ้าโยมเอาของมาถวายเป็นบิณฑบาต ก็ว่า ยถาปัจจะยัง บิณฑะปาโต นี่ย่อๆ ให้ฟัง ใช้หนี้โยม ให้พรโยมนะ

ถ้าโยมเอาเสนาสนะมาถวาย ท่านจะกล่าวว่า ยถาปัจจะยัง เสนาสนัง ปะฏิเสวามิ ท่านจะใช้หนี้

โยมเอาคิลานเภสัช น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำตาล เนยใส เนยแข็งเป็นต้น เป็นเภสัช ก็ต้องว่า คิลานเภสัช นี่ก็ใช้หนี้โยม ให้พรโยมด้วย โยมทำน้ำปานะมาถวายอยู่ในเขตของคิลานเภสัช ก็ต้องให้

พรมนั่งอยู่นี่เป็นเสนาสนะ เวลานั่งลง พระทุกรูปจะบอกว่า ปฏิสังขา โย นิโส เสนาสนัง ปะฏิเสวามิ คนที่สร้างพรม เสนาสนะ จะได้บุญ นี่ใช้หนี้ทุกเวลานะ

พระบางองค์ไม่ใช้หนี้ก็กินก้อนกรวดก้อนทราย ไปตกนรก บางองค์ตายเป็นพระภูมิก็มี เพราะเก็บสมบัติไว้มากมาย ตายไปเป็นพระภูมิเฝ้าเงิน เฝ้าทอง เป็นโสมเฝ้าทรัพย์ ยังงี้มีเยอะ ก็ไปเฝ้าทรัพย์กันต่อไป เป็นพระพรหมได้อย่างไรหรือ เป็นพระภูมิน่ะถูกแล้ว ไปเฝ้าทรัพย์สมบัติของตนที่ได้สะสมมานาน เป็นหนี้กันมากมาย

นี่แหละเวลาพระจะฉัน ท่านก็บอกว่า ปะฏิสังขาโย เวลารับประเคนก็ว่า ยถาปัจจะยัง นี่ใช้หนี้โยม และฉันแล้วก็ใช้หนี้โยมด้วย ยถาสัพพี ยถาให้ผี สัพพีให้คน

กรวดน้ำอย่าไปจับก้นกัน ยถาเปตานังให้แก่เปรต สัพพีติโย หมายความว่าให้พรแก่คน ยถาให้ผี สัพพีให้คน ต้องพนมมือรับพร ขอฝากไว้ด้วยในการใช้หนี้ในวันนี้

ที่พระบิณฑบาต ต้องสำรวมอินทรีย์ คือ สำรวมสายตาแลดูไปช่วงแอก อย่าเหลียวล่อกแล่กเหมือนลิงค่างบ่างชะนี ถ้าไปเรียก “โยม พระมาแล้ว” นี่ขอทาน! ไม่ใช่บิณฑบาตโปรดสัตว์ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน พระท่านทำกันเองนะ

ถ้าเขาไม่ปวารณาอย่างเรียก บางทีเขาปวารณากับเด็กไว้ หนู ถ้าพระมา ยายไม่รู้ เรียกหน่อยนะ อย่างนี้ได้ ให้เด็กเรียก เราอย่าไปเรียกเองนะ

พระบิณฑบาตก็ว่า ยถาปัจจะยัง บิณฑะปาโต ตลอดทาง ถ้าพระไม่ทำ เป็นหนี้สงฆ์ เป็นหนี้โยม ตายไปตกนรกแน่

กิจวัตรพระมี ๑๐ อย่าง คือ ๑. ลงอุโบสถ ๒. สวดมนต์ไหว้พระ ๓. บิณฑบาตไม่พัก ๔. โปรดให้โยมได้สร้างความดี ๕. กวาดเว็จกุฎี ขัดส้วมนี่เป็นหน้าที่ของพระ ถ้าพระในวินัยนี้ผ่านเว็จกุฎี ได้กลิ่นเหม็น เห็นสกปรก ถ้าหนีเป็นอาบัติโทษ ๖. รักษาผ้าครอง ๗. โกนผมปลงหนวด ตัดเล็บ ๘. อยู่ปริวาสกรรม ๙. ศึกษาสิกขาบทและปฏิบัติพระอาจารย์ ๑๐. พิจารณาปัจจเจกขณะปัจจัยทั้ง ๔ เป็นต้น

โยมโปรดทราบไว้ด้วย ไม่ใช่เป็นหนี้เฉพาะโยม พระสงฆ์เป็นหนี้ตัวดีนัก เอาสองคูณเลย เหมือนรับราชการขาติดโซ่อยู่ ๑ ขาแล้ว ถ้าทำผิด ๑ ขา เข้าไปตะรางเลย พระสงฆ์ก็เหมือนกัน เป็นผู้สอนประชาชน เป็นตัวอย่างที่ดีของโลกมนุษย์ เพราะเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว ขอฝากไว้ด้วย

เวลาโยมไหว้พระสงฆ์ พระสงฆ์ก็ให้พร ถ้ามีทั้งโยมหญิงโยมชายกำลังไหว้ พระสงฆ์องค์นั้นจะกล่าวว่า สุขิตาโหตะ ทุกขะปบุญจถะ ขอท่านทั้งหลายจงถึงซึ่งความสุข ปราศจากทุกข์เถิด

ถ้าโยนผู้ชายไหว้คนเดียว ท่านบอกว่า สุขิโต โหตุ ทุกขา ปมุญจตุ ถ้าโยมผู้หญิงไหว้คนเดียว ท่านจะว่า สุขิตา โหตุ ทุกขา ปมุญจตุ

นี่ให้โยมนะ พระบางองค์ไม่ให้เลย เป็นหนี้สงฆ์ เป็นหนี้พระพุทธเจ้า ตายเป็นเถรเทวทัต กินก้อนกรวดก้อนทราย เกิดเป็นวัวเป็นควาย ด้วยอำนาจโมหะ ที่ไม่รู้ ไม่ปฏิบัติตามธรรมวินัยนี้

แต่พระสงฆ์องค์ใด ปฏิบัติกรรมฐาน ก็เป็นการใช้หนี้สงฆ์ เป็นการอโหสิกรรม หยิบหนอ ฉันหนอ เคี้ยวหนอ กลืนหนอ อาหารนี้อาตมาเยียวยาให้ช่วยชีวิตอยู่ได้ ๑ วัน อาตมาจะไม่ลืมโยม อาตมาจะใช้หนี้โยมด้วยการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติได้เมื่อใด อาตมาจะไปโปรดโยม จะไปเทศน์โปรดโยม จะให้โยมเข้าทางวัด ให้โยมมีศีล ให้โยมมีภาวนา ให้โยมไปสวรรค์นิพพาน นี่จุดมุ่งหมายที่ใช้หนี้สงฆ์

พระสงฆ์เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยใช้หนี้ตัวเอง เลยก็ต้องไปเป็นกรรม อย่างต่ำก็สมองเสีย สอนใครไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้แล้ว ออกไปสอนคนอื่นก็ไม่ได้แล้ว ก็เป็นหนี้ตัวเอง ตายไปแล้วก็ลงโลกันต์ เพราะว่าทรยศต่อกฎบัญญัติสงฆ์ในที่ประชุมด้วย

เอสาหํ ภันเต สุจิรปรินิพพุตัมปี ทรยศต่ออุปัชฌาย์ ทรยศต่อคู้สวดกรรมวาจาจารย์ ทรยศต่อสงฆ์ในที่ประชุมสังฆกรรม ในโรงอุโบสถ

พูดถึงใช้หนี้โยม ขอพูดต่อไปสักหน่อยนะจ๊ะ บวชลูก บวชหลาน อย่าแห่ เป็นหนี้สงฆ์ เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ต้องสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ รำลึกคุณพระรัตนตรัย ลูกนาค แม่นาค พ่อนาค จะได้บุญ ไม่ใช่เอาเหล้ามากินกันในเขตขัณฑสีมา ท่านจะเป็นหนี้สงฆ์ตลอดชาติ ขอฝากไว้ด้วยนะ

งานศพพ่อแม่ เอาเหล้าไปกินหน้าศพ เอาการพนันไปเล่นต่อหน้าศพ ที่ทำงานพระพุทธศาสนา ที่ทำงานของพระพุทธเจ้า โยมจะต้องลงนรก ดวงวิญญาณไม่ได้รับส่วนบุญ ดวงวิญญาณเกิดไปอยู่บนสวรรค์ จะหนีเลย เหลือแค่ซากศพอยู่เหลือเครื่องตั้งสักการะ ดวงวิญญาณจะไม่รับบุญและไม่ให้พรแก่ลูกหลาน

ขอฝากญาติโยมไว้ด้วย อย่าฝ่าฝืนขืนกระทำ ไม่รักตัวเอง กินเหล้าเมาสุราในเขตขัณฑสีมา และก็ร้องรำทำเพลง แอ่นหน้า แอ่นหลัง ต่อหน้าองค์พระพักตร์องค์พระพุทธเจ้า ขาดความเคารพ พระองค์มีบวช มีแห่ไหม แต่ต้องเดินทางไกล แรงม้ากัณฐกะเหาะไป เข้าจึงนิยมเอาม้าแห่นาค เอาอย่างพระพุทธเจ้าบ้าง

ความจริงเดินมาครึ่งกิโลเมตร จะแห่ม้าทำไม และมีสัปทน คือ ร่ม เดินทางข้ามทุ่งนามา ๑๖ โยชน์ กว่าจะมาถึงวัดเชตวัน ก็ต้องมีร่มกาง เข้าเขตแล้วต้องเคารพ ต้องลดร่ม ถอดรองเท้า เข้าในเขตขัณฑสีมา เคารพพระพุทธเจ้าเถิด โยมจะไม่เป็นหนี้สงฆ์นะ ขอฝากไว้ด้วย

หนี้บุญคุณของสงฆ์ พระท่านสอนโยมใช่ไหม ก็เป็นหนี้สงฆ์ สอนโยมให้สร้างความดี โยมได้ปฏิบัติกรรมฐาน โยมจะรู้ว่าโยมเป็นหนี้สงฆ์ ถ้าโยมปฏิบัติกรรมฐานไม่ได้ ก็ไปว่าพระสงฆ์องค์ชี เอาดีไม่ได้

มาวัดก็มาใช้หนี้สงฆ์ สร้างความดีออกจากวัดไป ไม่ใช่มาหาเรื่องกับพระ มาทะเลาะกับพระ มาจับผิดพระ นั่นแหละมาสร้างหนี้ในวัดทีเดียว น่าสงสารมาก

อาตมามานั่งนี่ พิจารณาตั้งแต่เดินแล้ว ว่าใครสร้างพรม ปฏิสังขา โยนิโส เสนาสนัง ปฏิเสวามิ คนที่สร้างพรมจะได้บุญ เหมือนหว่านพืช หวังได้ผล โยมอย่าไปหว่านข้าวบนยอดเขา อย่าหว่านข้าวในป่า คงไม่ได้บุญ ไม่ได้พืชพันธุ์ธัญญาหาร แถมเสียข้าวปลูกไปเปล่า ไม่เกิดประโยชน์แต่ประการใด

พระเดี๋ยวนี้ใช้หนี้ใคร ปากหมุบหมิบว่ากระไรก็ไม่ทราบ นี่แหละอาตมานึกถึงบุญคุณโยมเหลือเกินนะจ๊ะ งานศพอาตมารีบให้โรงผีก่อน ใช้หนี้โยมเหมือนกัน

โยมให้ค่าข้าวสุกข้าวสารแต่ละเม็ด อาตมาจะไม่ลืม อาตมาฉันข้าวคนอื่นยาก แต่ละเม็ดนี่นับหนึ่งถึงสิบเม็ด ฉันเข้าไปแล้วจะใช้หนี้โยมอะไร โยมทำมาหายาก ทำมาด้วยความลำบากประการใด รู้อย่างไร จะรู้จริง ทุกสิ่งน่าเศร้าใจ ดังนั้นอาตมาจึงขออธิษฐานจิตให้กลับมาก่อน ที่คอหักไปนั้น อาตมายังใช้หนี้โยมไม่หมด โยมส่งปิ่นโต โยมส่งคาวหวาน ยังใช้หนี้ไม่หมดเลย ก็ปฏิภาณตนว่า

จะทำงานพระพุทธเจ้าให้แก่ประชาชน จะทำงานสาธุชนให้เป็นผลงานของเรา สิ่งใดที่ไม่เหลือวิสัยหนึ่ง สิ่งใดที่ไม่ผิดตามวินัยพระธรรมคำสอนหนึ่ง สิ่งใดไม่ผิดกฏหมายบ้านเมืองหนึ่ง อาตมาจะช่วยหัวยันป้าย

ที่หอประชุมวัดอัมพวัน เสียงไม่ออก ข้างนอกไม่เข้า ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง มิฉะนั้นบ้านเมืองเขาจะปรับเอา ชาวบ้านเขาจะร้องทุกข์ วัดนี้หูหนวกเหลือเกิน

เพราะบ้านมีกลุ่มทั้งยักษ์ ทั้งมนุษย์ ยักษ์ไม่ชอบเสียงพระ มนุษย์ชอบเสียงพระ มันก็ทะเลาะกัน

อาตมาภาพประธานสงฆ์ ขออนุโมทนา อาตมาขอยืนยันกับญาติโยม ปณิธานนี้ “จะใช้หนี้โยมจนชีวิตหาไม่

สร้างหอประชุม สร้างศาลาขึ้นมา เพื่อใช้หนี้โยมพาลูกหลานมาอบรมนะจ๊ะ พาพี่ป้าน้าอามาเข้ากรรมฐาน อาตมาจะได้มีโอกาสใช้หนี้โยม ด้วยการสอนกรรมฐาน ให้เอาความดีให้โยม เป็นการใช้หนี้โยม ค่าข้าวสุก ค่าน้ำปานะ ไม่ใช่กินของโยมเปล่าๆ

ในวันนี้ ท่านจะได้ความสุขในอนาคต สองคูณขึ้นไป นึกถึงบุญเมื่อใด ชื่นใจเมื่อนั้น นึกถึงศีลเมื่อใด ชื่นใจเมื่อนั้น นึกถึงทานการบริจาคของท่าน ท่านจะดีใจเป็นน้ำย้อยกระบอกตาล ทีละหยด ทีละหยด น้ำตาลก็เต็มกระบอกได้ ขอให้หมั่นทำ หมั่นเพียรเวียนขวนขวาย สร้างแต่ความดีเถิด อย่าทะเลาะกันนะ สามีภรรยาอย่าทะเลาะกันเลย อาตมาเสียใจด้วย อย่าไปตีลูกตีหลาน ด่าลูกด่าหลานเลย ขอบิณฑบาตเสีย

อยู่ด้วยความชื่นใจ อยู่ด้วยความใช้หนี้บุญคุณกัน นึกถึงตอนได้กัน เกลือก็ว่าหวาน ชวนกันไปจนกระทั่งถึงเมรุ พยายามจูงกันไปถึงสวรรค์นิพพานดังได้ชี้แจงแสดงมา ในการใช้หนี้ในวันนี้

อาตมาประธานสงฆ์ขอตั้งปณิธานต่อหน้าโยม จะทำงานพระศาสนาด้วยความสามารถและจะบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ด้วยความสามารถและทำด้วยฝีมือของอาตมาและคณะสงฆ์ ช่วยเหลือประชาชนให้พ้นจากกองทุกข์ถึงบรมสุขโดยทั่วหน้ากัน

และโยมก็ปวารณาอาตมาบ้าง จงสร้างตัวเองให้ดี ใช้หนี้ตัวเองไป จะสำเร็จตามปรารถนาดังได้ชี้แจงทุกประการ

อำนาจพรศักดิ์สิทธิ์ในสิ้นปีนี้ จะบันดาลให้ทุกท่านไม่มีหนี้สงฆ์ ไม่มีหนี้ของใครติดตัวท่านไป ท่านจะมีแต่ความบริสุทธิ์ใจ จะมั่งมีศรีสุข เป็นมหาเศรษฐีในโอกาสปีนี้ตลอดกัลปาวสานเถิด