ทรัพย์เคลื่อนที่ได้

โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๒

…ความสุขที่แน่นอน ความสุขที่ผ่องใส ความสุขที่ไม่เจือปน เงินทองช่วยไม่ได้ ต้องสร้างต้องทำของตนเอง จิตใจเบิกบาน จิตใจดี เงินทองเรื่องเล็ก สมบัติก็เรื่องเล็ก ในเมื่อเรามีจิตใจเป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐแล้ว สมบัติภายนอกก็จะถูกดึง ถูกดูดให้เคลื่อนย้ายเข้ามาหาเรา จะเป็นสังหาริมทรัพย์ (ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้) อสังหาริมทรัพย์ (ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้) มันจะหลั่งไหลเข้ามาหาเรา ทำให้เรามีที่ดินที่อยู่ที่อาศัยมากมาย

ทรัพย์ที่เคลื่อนที่ได้ ในเมื่อจิตเป็นกุศล มันก็จะเคลื่อนเข้ามาบ้านเรา ยิ่งรวยเงินยิ่งเข้า

ส่วนบ้านคนจน เงินไม่ค่อยไปหาหรอก เพราะมันจนจิตจนใจ จนสติปัญญา จนทั้งอริยทรัพย์ภายใน ทรัพย์ไม่ค่อยเข้าไป มันเข้าไปหาคนรวยจิตใจรวยทรัพย์คุณสมบัติ มีกรรมฐานดี สติปัญญาดี เงินมันก็วิ่งไปรวมที่บ้านคนรวยอย่างนั้น

คนจนที่ไม่ทำบุญสุนทาน บุญจะเข้าไปหรือเงินจะไหลเข้าไปไม่ได้ เขามักจะพูดว่า เรามันจน เงินหนีหมดก็ใช่แล้ว

บางทีมีทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่ยกให้ มันจนจิตจนใจ จนสติปัญญา ทรัพย์สินก็อันตรธานสูญ มันก็ไปรวมอยู่ที่บ้านคนรวย เพราะคนรวยเขารวยสมบัติ รวยคุณสมบัติ มีอริยทรัพย์อันประเสริฐ มันก็ดูดเงินจากที่อื่นไปหมด เอาไปอยู่บ้านนั้นรวยมหาศาล บ้านไหนจนมันไม่มีไหลไปหรอก มันจนนี่ มันจนจิตจนใจ จนปัญญา จนธรรมะ จนคุณสมบัติ ไม่เคยใส่บาตร ไม่เคยทำบุญเลย จนอย่างนี้ทรัพย์สมบัติจะเข้าไปไม่ได้

ทรัพย์คือศีล สมาธิ ปัญญา ทรัพย์คือตัวศรัทธา ทรัพย์คือตัววิริยะ ทรัพย์คือตัวความมั่นหมายของตน ได้กุศลภาวนาอย่างนี้เรียกว่า ทรัพย์มีอยู่ภายใน มันก็จะดึงดูดเข้าไปรวม สิริมิ่งขวัญมงคลก็ไปอยู่บ้านคนรวยทรัพย์ รวยน้ำใจ ทำบุญตักบาตรไม่พัก ทรัพย์มันเข้าไปอยู่ไปพักบ้านนั้น มันไปอาศัยอยู่บ้านนั้น เพราะบ้านนั้นมีความสุข ทรัพย์นั้นก็ไปรวมเป็นก้อนเป็นกำ

บ้านไหนมีความทุกข์ จิตใจสกปรกลามก ของดีมันก็เคลื่อนย้ายไป ที่โบราณเรียกว่า ทองลุก อาตมาเคยเห็นกับตาถึงได้เชื่อ ทองลุกเหมือนไฟพะเนียง และเคลื่อนย้ายออกไป นี่ทรัพย์มันเคลื่อนที่ได้ คนไหนมีบุญวาสนา มันก็เคลื่อนไปอยู่บ้านนั้นแหละ

เมื่อตอนอาตมาเป็นเด็กนักเรียนมัธยม ๒ อยู่กับยาย ยายมีเงินกลมเยอะ มีทองสายสะพาย ๒ เส้น สร้อยคอสร้อยข้อมือเยอะ เงินเหรียญเงินกลมเป็นไหๆ ยายของอาตมาไปรักษาอุโบสถ ต้องค้างคืนที่วัด เช้าต้องไปรับ เวลาไปก็เตรียมทำกับข้าวใส่ปิ่นโตให้เสร็จ เมื่อทำบุญตักบาตรแล้วก็เก็บไว้รับประทานอาหารเพล และรอค้างคืน รุ่งเช้าอาตมาก็ไปรับไปหาบกระบุงใส่ผ้าผ่อนท่อนสไบของคุณยายกลับบ้าน

แต่อาตมาคิดเป็นอกุศล จิตเป็นอกุศล ไม่มีทรัพย์ คิดลักเงินกลมของยาย ไปแลกสตางค์แดงมาเล่นโยนหลุม พวกบ้านเหนือบ้านใต้ตอมกันเป็นกลุ่มหมด พอยายไปวัดแล้วมาชวนเล่นโยนหลุม อาตมาก็ลักเงินกลมเงินเหรียญบ้าง ไปแลกสตางค์แดงมีรู บาทหนึ่งแลกได้กี่สตางค์หรอก นี่สมัยเมื่อเป็นเด็ก

พอถึงวันพระดีใจมาก ดีใจที่จะได้สร้างบาป โดยที่ยายไปอยู่วัด ไม่สนใจเรื่องทรัพย์ เงินทอง ยายไม่เคยนับ อาตมาตอนเป็นเด็กก้อลักเรื่อย วันพระละ ๑๐ ก้อน เงินกลม เงินเหรียญของรัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ มีมาก เอาไปแลกเป็นสตางค์โยนหลุมเสียหมด เพราะเล่นไม่เป็น เล่นเสียตลอดรายการ

ในเวลากาลต่อมา ยายก็บอกว่า หลานเอ๋ย เขาปล้นกันที่บ้านบางม่วงหมู่โน่น ตีชิงวิ่งราวกันมาก จะเอาเงินไปไว้ที่ไหนดี ยายก็ออกหัวคิดโบราณ ฝังไว้เถอะ ฝังไว้ใต้ถุน ก็ตามใจยาย ฝังก็ฝังกัน รอให้เย็นๆ หมดแขก ลูกหลานไม่มาเยี่ยมยายแล้ว อาตมาก็ไปขุดใต้ถุน ขุดแล้วฝังไว้ ๒ ไห ไหหนึ่งเป็นเงินกลม เงินเหรียญ อีกไหหนึ่งเป็นทองคำ สร้อยข้อมือ กำไลเท้าเป็นทองคำ ทองมีสายสะพาย ๒ เส้นๆ ละ ๘ บาท สร้อยข้อมือข้างละ ๔ บาท ยังมีอยู่อันหนึ่งพิเศษ อาตมาก็เอาไปฝังเหมือนกัน เดี๋ยวนี้ไม่มีหรอก เขาเรียกร่างแหทองคำ ร่างแหเงิน ร่างแหนาก ยายมีครบ อาตมารู้หมด อ้อ! ร่างแหเขายังทำด้วยทองคำ แต่บางบ้านไม่มีบุญวาสนา อย่าไปใช้ร่างแหทองคำนะ เจ๊งเลย นี่ยายเล่า อาตมาฝังแล้วเอาดินมาทา เอาขี้ควายมาทา เอากระพ้อมครอบอยู่ใต้ถุน

ต่อมา ยายบอกว่าที่วัดศรัทธาภิรมย์มีเทศน์คาถาพัน เทศน์มหาชาติ ๓ วัน ๓ คืน ยายจะไปค้างวัด อาตมาก็ถามว่า “ยายไปค้างกี่คืน” ยายก็บอกว่า “๒ คืน หลาน” อาตมาก็นึกว่าสบายละคราวนี้ จะขุดขายแน่ อาตมาคิดทุกวัน ไม่มีสวดมนต์หรอก อาตมาสวดมนต์เป็น สวดมนต์ได้ ยายสอนให้สวด สวดแล้วขออธิษฐานให้ลักทองคำ ลักของยายให้ได้ นี่คิดเป็นอกุศลอย่างนี้

พอไปถึงวันเทศน์มหาชาติ อาตมาก็ไปส่งยายแต่เช้ามืด ยายรักษาอุโบสถ ค้างวัด ๒ วัน ๒ คืน ฟังเทศน์มหาชาติ พอไปแล้ว เพื่อนก็ค่อยมาเล่น เดี๋ยวบ่ายๆ หน่อยจะไปเล่น ตั้งใจว่าจะลักขุดให้ได้

อาตมาก็ไปเปิดกระพ้อมออก ขุดลงไปนะ ไม่มีเลยหายไปหมดเลย ไหสองลูกไม่มีเลยนะ มีรูทะลุไปทางหลังเรือนแปลกมาก เอ! ใครมาลักเอาไป อาตมาก็กลบไว้อย่างเดิม

ยายลืมเรื่องที่ฝังไว้ เพราะเงินที่ใช้มีอยู่มาก ที่ฝังไว้นี่ต่างหาก นี่ทรัพย์ที่หนีได้อย่างนี้ อาตมานึกถึงโบราณได้ว่า เดินเรือนปึงๆ ยายตี บอกว่า หลานอย่าเดินเรือนดัง ทรัพย์จะหนีต้องเดินเบาๆ รับประทานข้าวดังก๋องแก๋ง ยายว่าเลยนะ ไม่มีคุณสมบัติเลยนะหลานเอ๋ย ทรัพย์ไม่มี เงินไม่มีนะ ทองก็หนีหมด

คนที่ไม่มีคุณสมบัติ แปลว่า คนไม่มีศีล ไม่มีธรรม ทรัพย์จะมาได้อย่างไร นี่ยายเล่า อาตมาก็ขุดไม่ได้เลย หนีหายไปไหนหมดไม่ทราบ มีรูโบ๋เลย หายไปทั้งไห ก็ไม่สงสัยว่าทรัพย์จะหนีได้ เข้าใจว่าขโมยลักไป แต่การฝังนั้นจะรู้กันยายกับอาตมาเท่านั้น คนอื่นไม่รู้ ป้าก็ไม่รู้ ทำไมหายได้ ขุดหาก็ไม่พบ

ในอวสานกาลยายป่วยหนัก ป่วยก็ไม่มีโรค คล้ายๆ ว่าทรุดลงไป กำลังถอยลงไป อายุ ๙๙ ปีพอดี อาตมาอยู่ปฏิบัติยายอย่างใกล้ชิด เหลืออีก ๗ วันจะตาย เจตภูติของยายไปเข้าฝันป้าชื่อ ป้าเหลี่ยม สะดวกดี ยายยังไม่ตายนะ ยังนอนอยู่ แต่สติดี ป้อนข้าวป้อนน้ำ แต่ยายก็เพลียลงไปๆ เขาเตรียมต่อโลงบำเพ็ญกุศล สวด ๗ วัน ๗ คืน ไปเข้าฝันป้าบอกว่า หลานคนนี้สกปรก คิดจะเอาทรัพย์ไปทำลาย ทรัพย์เลยหนีไปอยู่ป่ากระชายหนีได้จริงๆนะ เราคิดจะขาย คิดจะทำลาย คิดจะเอาไปเล่นการพนัน ในที่สุดก็หนีไปจริงๆ

พอยายตายก็นำไปบำเพ็ญกุศล สวด ๗ วัน แล้วเก็บไว้ก่อน สองปีผ่านไปถึงจะทำศพ เวลาทำศพมีโขน ละคร หนังใหญ่ ๒ วัน ๒ คืน ที่วัดศรัทธาภิรมย์ เรียกกันว่า วัดใหม่ศรัทธาราษฎร์

ที่วัดนี้มีปริศนาบอกไว้ว่า วัดใหม่ไก่เตี้ยเหี้ยขึ้นไข่ อิฐไม่ให้ขัด วัดไม่ให้ขุด บริสุทธิ์จึงเอาได้มีน้ำมันโป อาตมาเห็นชัดเมื่อเป็นเด็ก นี่แหละปริศนาของคนโบราณนะ ในที่สุดอยู่ไหนรู้ไหม อยู่ที่ต้นมะม่วง ไข่เหี้ยอยู่หน้าโบสถ์ ต้นใหญ่มาก มีมาแต่ครั้งไหนไม่ทราบ น้ำมันโปอยู่ในโพรงต้นไม้นี้ คนโบราณนี้สมองดีเหลือเกิน บางคนมีขุดโบสถ์ ขุดวัดเขาไม่ให้

ลุงอาตมาบวชเป็นพระ ท่านบอกว่าขออธิษฐานให้พบแล้ว จะเอาคืนที่ ตอนนั้นอาตมายังเป็นเด็กเล็กๆ เลย ท่านก็ได้ที่ต้นมะม่วงไข่เหี้ย แหม! คนโบราณนี่ลึกซึ้งเหลือเกิน ปัญญาสูง เวลาคนมาทำบุญท่านก็เอามาทาตา ทาให้อาตมาด้วย มองดูคนแล้วหัวเราะใหญ่เลย เพราะเห็นข้างในหมด นี่เล่าเรื่องเก่าให้โยมฟัง

ในที่สุดเอาศพยายเก็บเรียบร้อย ป้าเหลี่ยมก็เรียกอาตมาไปพบแล้วบอกว่า “เออ! มานี่ซิ ข้าฝันไปว่าเอ็งจะลักขโมยเงินยายไปเล่นจริงไหม?” อาตมาก็นิ่ง พูดว่า “จริงจังอะไร” ป้าบอกว่า “ฝันอย่างนี้ อยู่ที่ป่ากระชาย ไปช่วยขุดหน่อยได้ไหม”

อาตมาก็ไปช่วยขุด ก่อนขุด อาตมาก็มอมป้าเสียก่อน ป้าชอบน้ำตาลเมา ชอบดื่มเหล้า เลยเอาน้ำตาลเมามาให้ป้าดื่มเสียเมา แล้วก็ไปขุด พบไหจริงๆ อยู่ห่างจากเรือนไป ๕ วาในป่ากระชาย ที่อาตมาเคยปลูกกับยายไว้ ขุดมาได้หมดเลยนะ ได้เงินได้ทอง อาตมาก็หิ้วไปบ้านป้า

ป้าก็บอกว่า “หลาน ป้าจะแบ่งให้เจ้าบ้าง เจ้าไม่น่าคิดสกปรก จะทำลายทรัพย์ยาย” ตอนนั้นป้ายังเมาอยู่ อาตมาก็ยักทองไว้ ยังไม่บอกป้า ทอง ๒ เส้น สร้อยข้อมือ แล้วก็ร่างแหอีกด้วย แต่เงินกลมเอาไปเถอะ ป้าก็เอาไป อาตมาจึงรักษาไว้ พอป้าหายเมาแล้ว อารมณ์ดี อาตมาก็บอกว่า

“ป้า ไม่ใช่มีเฉพาะเท่านั้นนะ นี่สร้อยสายสะพาย ผมเป็นหลานนะ ผมดูแลยายมานะ ขอให้ผมเถอะ” ป้านิ่งอั้น อาตมาบอก “ขอป้าไม่ให้ก็ต้องเอา เพราะยักเอาไว้แล้ว” ป้าก็อโหสิกรรมให้ อาตมาก็เก็บไว้ ได้มีโอกาสสร้างโบสถ์วัดพรหมบุรี (ชื่อเก่าวัดกุฎีลอย) ขายสายสะพาย ๒ เส้นๆ ละ ๘ บาท เป็นทุนสร้างโบสถ์อุทิศส่วนกุศลให้ยาย ที่วัดพรหมบุรีมาจนบัดนี้ นี่แสดงให้เห็นชัด ทรัพย์เคลื่อนที่ได้ ถ้าคิดไม่ดีนะ

ขอฝากลูกหลานไว้ด้วย เป็นเด็กอย่าคิดไม่ดีต่อพ่อแม่ปู่ย่าตายาย อย่าลักทรัพย์ ถ้าทรัพย์มีคุณสมบัติ มันหนีได้จริงๆ บางบ้านจนทรัพย์ก็หนีไปอยู่บ้านคนรวย คนรวยน้ำใจ รวยบุญรวยกุศล ทรัพย์เข้าบ้านนั้นหมด นี่ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ อาตมาถึงได้ว่า ทองมันลุก ลุกจริงๆนะ ลุกหนีไปเลย มันไม่อยู่หรอก บ้านไหนอัปรีย์จัญไร ด่ากันไม่พัก ทะเลาะกันไม่พัก ทรัพย์หนีหมด ลองดูนะ

อาตมาขึ้นเรือนต้องล้างเท้าทุกครั้ง และต้องเดินค่อยๆ ยายบอกว่าอย่าเดินเรือนดัง กระทืบเท้าทรัพย์มันจะหนี คุณสมบัติจะไม่มี อาตมาจำได้มาตั้งแต่เป็นเด็ก ขอฝากญาติโยมไว้ด้วย ทรัพย์หนีได้จริงๆ ขอยืนยัน

นี่ป้าก็ตายไปแล้ว ยังอยู่แต่อาตมา ก็จะตายจากไป อาตมานึกดีใจมาได้ของดีทีหลัง ตอนบวชรักษาไว้จึงเอามาขายเอาเงินมาสร้างโบสถ์ให้ยาย ทรัพย์สมบัติจึงอยู่กับเรา ขายไปบาทละไม่เท่าไร ก็พอทุนซื้อเหล็กซื้อปูนสร้างโบสถ์วัดพรหมบุรี มาจนบัดนี้ เพราะอาศัยสร้อยสะพาย ๒ เส้น สร้อยข้อมือ ๒ เส้น และร่างแหอีก ก็คงจะได้บุญเยอะ

นี่แหละขอเจริญพรญาติพี่น้องว่า คนมีคุณสมบัติถึงจะมีทรัพย์ คนไม่มีทรัพย์จึงไม่มีคุณสมบัติ คนมันจนเงินจึงไม่ไหลเข้าไปนะ ไหลเข้าไปก็ขายหมดน่ะซิ ไปเล่นการพนัน ดื่มเหล้าหมด

อาตมานี่แหละเล่นโยนหลุม ทอยกอง เล่นการพนัน เล่นชิ่วลัก แพ้เขาเรื่อย เงินทองยายก็หมดเลยทองมันหนีไปได้ แต่มานึกได้ว่าเป็นกุศลจะได้สร้างโบสถ์ ในที่สุดทองก็มาอยู่กับเรา ๒ เส้น จนได้มาบวชในพระศาสนา

ขอชี้แจงให้ญาติโยมได้ทราบว่า ทรัพย์เคลื่อนที่ได้ คนที่จนบุญทานไม่ทำ มันก็จนอย่างนี้ ทรัพย์ก็หนีไปหมด นี่แค่คิดว่าจะลักของยายเอาไปขาย หนีออกไปอยู่ป่ากระชายเลยนะ กลวงโบ๋ออกไปเลย ไหเคลื่อนที่ได้

คนก็เคลื่อนที่ได้นะ คนดีไปอยู่กับคนชั่วไม่ได้หรอก มันก็เคลื่อนย้าย คนชั่วไปอยู่กับคนดีเขาไม่ได้ คือลูกจ้างเดี๋ยวมันก็เคลื่อนย้ายของมันเอง ไม่ต้องไปไล่หรอก มันอยู่กับเขาไม่ได้หรอก มันไม่มีคุณสมบัติ ไม่มีบุญวาสนาจะอยู่กับบ้านนั้น จึงเคลื่อนย้ายไปเองโดยอัตโนมัติ เหมือนทรัพย์สมบัติต้องเคลื่อนย้ายดังกล่าวมาแล้ว

นี่เป็นกฎแห่งกรรม คิดจะลักเขา มันเป็นกฎแห่งกรรมนะ ทรัพย์เคลื่อนที่ได้ ทรัพย์หนีได้ คุณสมบัติไม่มี คนที่ปากเป็นทรัพย์ พูดเงินไหลมาเลย คนที่ไม่มีคุณสมบัติทางปาก ปากไม่มีทรัพย์ ปากเป็นกาลกิณี พูดเสียเงินนะ พูดเสียเงินทองตลอดรายการ ขอฝากไว้ด้วย