อานิสงส์ของการสวดมนต์

โดย วิชาญ ฤทธิรงค์

ข้าพเจ้าได้ฟังธรรมและสนทนากับหลวงพ่อจรัญ หรือ พระราชสุทธิญาณมงคล ระหว่างปี ๒๕๓๐-๒๕๓๕ ที่ธนาคารทหารไทย สำหนักงานใหญ่เดิม ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพมหานคร ซึ่งข้าพเจ้าเป็นประธานชมรมพุทธศาสตร์อยู่ที่นั่นในเดือนหนึ่งๆ ชมรมจะนิมนต์พระสงฆ์สายปฏิบัติมาแสดงพระธรรมเทศนา และสอนวิธีเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ๑-๒ ครั้ง โดยใช้เวลาในช่วงหลังปฏิบัติงานตอนเย็นประมาณ ๑๗.๐๐ น.ขึ้นไป ในบรรดาคณาจารย์สายปฏิบัติที่มาสอน ข้าพเจ้ามีความเลื่อมในวิธีปฏิบัติของอาจารย์หลายองค์ แต่ที่เข้าใจง่ายและปฏิบัติง่ายก็ได้แก่วิธีของหลวงพ่อจรัญ หลวงพ่อยกตัวอย่างประกอบง่ายๆ ทำให้เข้าใจง่ายทั้งให้ทดลองปฏิบัติกันเดี๋ยวนั้น ยิ่งทำให้การปฏิบัติถูกต้องมากขึ้นโดยเฉพาะด้านการเจริญวิปัสสนา

สมาชิกชมรมมีทั้งพนักงานและบุคคลภายนอก ในวันที่หลวงพ่อไปสอนจะมีผู้สนใจฟัง และปฏิบัติธรรมมากกว่าคณาจารย์องค์อื่นๆ เป็นพิเศษ ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อจึงได้รับการนิมนต์ไปสอนบ่อยกว่าอาจารย์ท่านอื่น

สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากหลวงพ่อและนำมาปฏิบัติก็คือ การสวดมนต์บทพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ หลวงพ่อมักจะพูดเสมอว่าการสวดมนต์ช่วยทำให้จิตใจเป็นสมาธิ ถ้าเป็นฆราวาสก็ควรให้สวดบทพาหุง มหากาฯ อิติปิโส จนจบ และถ้าให้ดีก็ต้องสวดเท่าอายุบวกหนึ่ง จิตก็จะเป็นสมาธิสามารถแผ่เมตตาหรือส่งกระเสจิตไปยังบุคคลที่เราเคารพนับถือ หรือรักใคร่เอ็นดูได้สำเร็จ ข้าพเจ้าได้นำคำแนะนำของหลวงพ่อมาฝึกปฏิบัติ แต่จะไม่นำมาใช้ทั้งหมดเพราะหลายบทเกินไป และถ้าสวดเท่าอายุด้วยแล้วคนอายุ ๕๐ ปีขึ้นไปก็คงสวดเป็นชั่วโมงเป็นภาระมากเกินไป คงไม่มีความเพียรถึงขนาดนั้น และจะทำไม่ได้โดยสม่ำเสมอด้วยจึงให้สวดเฉพาะบท “อิติปิโส” บทเดียวจำนวนคนที่เราต้องการแผ่เมตตาถึงแต่อย่างลืมตัวเองด้วย ในระยะแรกให้ทดลองแผ่เมตตาให้ผู้บังคับบัญชาทุกคนและเพื่อร่วมงานบางคนโดยเฉพาะในรายที่คิดว่าเขาอาจไม่ชอบเราก็ได้ ก็จะเน้นเป็นพิเศษ จากการทดลองปฏิบัติสัก ๒-๓ สัปดาห์ สังเกตเองว่าได้ผลน่าพอในทีเดียว โดยดูจากาการพบปะกันครั้งหลังๆ เขาเหล่านั้นจะยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายกันแบบมิตรไมตรีแบบจริงใจ (ความเป็นมิตรหรือศัตรูจะสังเกตได้จากสายตา ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า ถ้าเรามีความปรารถนาดีต่อผู้ใด (ด้วยใจจริง) ผลที่ตอบสนองจากบุคคลนั้นจะมาในทิศทางเดียวกัน และตรงข้ามถ้ามีความรู้สึกไม่ดีต่อบุคคลใด ผลที่เขารู้สึกต่อเราก็จะเป็นไปในทำนองเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องมาจากกระแสจิตที่ส่งตรงไปยังเขาเหล่านั้นสะท้อนกลับมานั่นเอง ถ้ายิ่งจิตนั้นมีสมาธิแกร่งกล้า ความแข็งแกร่งของกระแสจิตจะมากขึ้นสามารถส่งผลตรงไปยังบุคคลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งบุคคลที่มีความผูกพันจะสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนขึ้น ผลของการปฏิบัติทำให้ข้าพเจ้ามีเรื่องต่อไปนี้เกิดขึ้น

เมื่อกลางปี พ.ศ. ๒๕๓๓ บุตรสาวของข้าพเจ้าได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาการบัญชี ในคณะพาณิชยศาตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เธอจบการศึกษาชั้นปริญญาตรี สาขาการบัญชี มหาวิทยาลัยเดียวกัน) เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ประสงค์จะไปศึกษาต่อในสายการเงินการธนาคาร (Finance and Banking) ยังประเทศสหรัฐอเมริกา ข้าพเจ้าก็ตอบตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า ถ้าเธอสอบภาษาอังกฤษ TOEFL ผ่านตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัยกำหนด และมหาวิทยาลัยต่างประเทศตอบรับการเข้าศึกษาต่อของเธอ ข้าพเจ้าก็พร้อมจะสนับสนุน เธอได้พยายามอยู่ประมาณ ๓-๔ เดือน ความสำเร็จก็เป็นของเธอ สอบภาษาอังกฤษผ่านได้ตามเกณฑ์และมหาวิทยาลัยยังทาวน์ แห่งรัฐโอไฮโอ (Young Town State University, Ohio) สหรัฐอเมริกาตอบรับให้เธอเข้าศึกษาต่อได้

เธอได้ออกเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๓๔ พร้อมกับลูกของลุงซึ่งทำงานอยู่ที่เมืองลอสแองเจลีสเธอได้พักอยู่กับญาติที่นั่นประมาณ ๔ เดือน เพื่อเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมระหว่างรอมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียน และต่อมาก็ได้เข้าพักในหอพักของมหาวิทยาลัย

เรื่องที่จะกล่าวถึงก็คือ เธอมีความประสงค์จะซื้อรถยนต์ไว้ใช้สัก ๑ คัน เพราะมีความจำเป็นจะต้องออกไปซื้ออาหารและสิ่งของนอกเมืองในวันหยุด วันธรรมดาก็ไม่จำเป็น (หอพักอยู่ในเขตมหาวิทยาลัย และมีอาหารพร้อม) ข้าพเจ้าก็ทัดทานว่ายังไม่เห็นด้วย เนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกับการจราจรทางขวา (ขับชิดขวา) จึงขอให้รอ หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไป ประมาณเกือบ ๑ เดือน (ทุก ๒ สัปดาห์ เธอจะโทรศัพท์ส่งข่าวให้ทางบ้านทราบทุกระยะ)

ประมาณวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๔ ก่อนเข้านอนข้าพเจ้าก็ได้สวดมนต์พร้อมกับเพ่งจิตไปที่ลูกสาวเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองจากพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เช่นที่เคยปฏิบัติมา ระหว่างสวดและแผ่เมตตาเกิดสะดุดอะไรขึ้นในใจและรู้สึกเร่าร้อนในตัวเอง แต่ก็ได้พยายามสวดกลับไปกลับมาอยู่ ๓-๔ จบ รู้สึกสังหรณ์ว่า เธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ในวันต่อๆมาก็รู้สึกเช่นนั้นและไม่สบายใจเลย ยิ่งเห็นของใช้บางชิ้น เช่น เสื้อผ้า เครื่องเขียนของเธอ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกคิดถึงลูกเป็นอันมาก และเกิดความสงสารขึ้นอย่างสุดซึ่งโดยไม่ทราบสาเหตุ ยิ่งไม่มีโทรศัพท์ส่งข่าวมาหลายวัน เพราะเป็นเวลาร่วมเดือนเศษแล้วที่ไม่ได้รับข่าวคราว ข้าพเจ้ารออยู่ ๓ วัน ประมาณวันที่ ๔ สิงหาคม จึงได้ตัดสินใจโทรศัพท์สอบถามไปที่หอพักของมหาวิทยาลัย เธอไม่อยู่ที่ห้อง แต่เจ้าหน้าที่ผู้รับสาย รับจะตามให้ ขอให้ข้าพเจ้าถือสายรอ ข้าพเจ้าก็รู้สึกดีใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่เราคิด รออยู่สักครู่หนึ่งเธอก็มารับสายเสียงใสชัดเจน เธอบอกว่าให้พ่อวางสายก่อน อีกสัก ๑๐ นาทีจะโทรศัพท์กลับมาใหม่ ข้าพเจ้าก็รู้สึกโล่งอกเหมือนเอาความทุกข์ที่สะสมอยู่ในอกทิ้งลงทะเลไป

อีก ๑๐ นาที มีโทรศัพท์กลับมา มีเสียงของลูกสาวบอกว่า ขอให้พูดกับผู้ประสานงาน (Coordinator) เป็นผู้รู้เรื่องดีจะอธิบายให้ฟังในเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้ประสานงานเป็นอาสาสมัครจากชมรมสตรีอาสาสมัครฝ่ายเจ้าภาพ (Host Family Coordinator) เข้ามาช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติในกรณีมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้น โดยจะติดต่อและประสานงานกับคู่กรณีที่เกี่ยวข้องให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน เธอได้อธิบายว่า ขอให้ข้าพเจ้าใจเย็นๆ อย่าดุลูกสาว เพราะขณะนี้ยังตกใจอยู่ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากไม่สามารถจะควบคุมได้ แต่รอดชีวิตมาได้ก็นับว่าดีแล้ว มีบาดเจ็บแต่เพียงรอยช้ำตามสายเข็มขัดนิรภัยเท่านั้น ข้าพเจ้าฟังแล้วก็ชักงงๆ ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ เมื่อสนทนากันต่อไปก็ได้ทราบว่า รถยนต์ลูกสาวของข้าพเจ้ายี่ห้อฮอนด้าซีวิค ได้ชนกับรถยนต์ของชาวอเมริกันตรงกลางสี่แยกแบบตัดกัน ผลของการชนทำให้รถฮอนด้าด้านหลังคนขับเกือบขาดเป็น ๒ ท่อน ส่วนฝ่ายอเมริกัน ผู้ชนไม่มีอะไรเสียหายเพราะเป็นรถใหญ่และแข็งกว่า ผลของคดีฝ่ายเราผิดเพราะฝ่าไฟแดง ณ สถานที่ชนเป็นถนนสายหลังมหาวทยาลัย ซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว มีรถยนต์วิ่งผ่านน้อยมาก ไฟเขียว ไฟแดงเป็นชนิดแขวนค่อนข้างสูง ถ้าไม่แหงนก็คงมองไม่เห็น และลูกสาวไม่ชำนาญทางรถยนต์ ซึ่งเพิ่งซื้อในวันนั้น และรับออกจากอู่มาเพื่อจะเข้ามหาวิทขาลัยให้ทันก่อนค่ำ พรุ่งนี้จึงจะเอาประกันและนัดไว้แล้ว ในที่สุดเหลือแค่เสษเหล็กขายไปได้ ๑๐๐ เหรียญและต้องรับผิดต่อคู่กรณีอีก แต่เนื่องจากฝ่ายชนไม่มีอะไรเสียหาย จากการไกล่เกลี่ยของผู้ประสานงานทุกอย่างก็จบลงด้วยดี เลิกแล้วต่อกัน เหตุการณ์นี้เกินเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๔ ซึ่งตรงกับวันที่ข้าพเจ้าสวดมนต์และรู้ได้ในขณะนั้นว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกสาว

อานิสงส์แห่การสวดมนต์มีจริง เพราะนอกจากจะทำให้จิตใจเกิดสมาธิแล้ว ยังให้อานิสงส์ในทางอื่นตามที่ได้กล่าวมาในตอนต้น ช่วยให้หยั่งรู้ในเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นจริงได้และยังใช้ในการแผ่เมตตาหรือความปรารถนาดีไปยังบุคคลบางคนหรือบางกลุ่มได้ด้วย ทำให้ได้รับความคุ้มครองหรือความร่วมมือจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวในการปฏิบัติงานเป็นอย่างดีและงานของท่านจะบรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทุกประการนอกจากนั้นท่านยังเป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานโดยทั่วไปด้วย ปัจจุบันข้าพเจ้ายังปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อเป็นประจำทุกเดือน เว้นแต่มีเหตุจำเป็นอย่างอื่นก็จะเว้นบ้างในโอกาส พุทธศาสนิกชนใดหรือผู้สนใจจะทดลองปฏิบัติ ท่านก็จะทราบผลด้วยตัวของท่านเองสมดังบทสวดตอนที่ว่า “…ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ” แปลว่าเป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน

อนึ่งบุตรสาวของข้าพเจ้า ตามที่กล่าวถึงได้กลับมาอยู่กรุงเทพมหานครแล้ว ภายหลังที่เธอจบการศึกษาปริญญาโทสายการเงินและการธนาคาร และฝึกงานอยู่ที่ธนาคารศรีนครสาขานิวยอร์คอีก ๖ เดือน และได้เดินทางกลับเมืองไทยเมื่อต้นปี ๒๕๓๗ ปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ฝ่ายการธนาคารตัวแทนฝ่ายต่างประเทศ (Correspondent Banking Department) ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ เมื่อลูกสาวกลับมา ข้าพเจ้าก็อนุญาตให้ลูกชายไปศึกษาต่อบ้าง แต่คนละสาขาวิชา ลูกชายเรียนมาทางด้านสถาปัตย์ก็ได้ศึกษาต่อที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองเซ็นต์หลุยส์ มลรัฐแมรี่แลนด์ สหรัฐอเมริกา

เมื่อข้าพเจ้าคิดถึงบุตรก็จะใช้วิธีสวดมนต์พร้อมกับแผ่เมตตาให้เป็นครั้งคราวเช่นเดียวกับลูกสาวและก็ได้ผลดีที่เดียวเช่นครั้งหนึ่งลูกชายขับรถยนต์ตกถนนขณะขับรถฝ่าพายุหิมะรถยนต์เสียหายเล็กน้อย และคนขับพร้อมผู้โดยสารปลอดภัยทุกคน เป็นต้น ในช่วงนั้นข้าพเจ้าจะสวดมนต์แผ่เมตตาให้เขาทุกวัน เนื่องจากทราบข่าวหิมะตกหนักในสหรัฐอเมริกาและลูกชายอยู่ระหว่างปิดภาคเรียน และเดินทางไปทัศนาจรกับเพื่อนชาวอเมริกันโดยการเช่ารถยนต์ไปนครนิยอร์ค ขากลับประสบภาวะหิมะตก แต่ก็กลับถึงบ้านพักโดยปลอดภัย และรีบส่งข่าวให้ข้าพเจ้า และทุกคนในบ้านทราบในวันต่อมาเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนมากราคม ๒๕๓๙ ที่มาผ่านมานี้เอง

เกี่ยวกับผู้เขียน

นายวิชาญ ฤทธิรงค์

วุฒิการศึกษา ปริญญาโท พาณิชย์ศาสตรมหาบัณฑิต และปริญญาตรี บัญชีบัณฑิต

จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

การศึกษาธรรม นักธรรมโท

จากผลการสอบธรรมสนามหลวงโดยคณะสงฆ์

หน้าที่การงาน ปัจจุบัน กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท นพกิจรวมทุน จำกัด

รองกรรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยอมฤตบริวเวอรี่ จำกัด

กรรมการบริหาร บริษัทเงินทุก หลักทรัพย์ สหธนกิจไทย จำกัด (มหาชน)

อดีต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยจำกัด(มหาชน)