คนเก่าเล่าให้ฟัง
เมื่อว่าวขาดลอยลมในยามวิกฤต

โดย พลตรีวสันต์ พานิช

ายหลังจากทำบุญครบ ๖ รอบของภรรยา เมื่อ ๑๙ มี.ค. ๓๘ ณ วัดอนงคารามเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าคิดอยู่ในใจว่า ควรจะได้ทำบุญครบ ๖ รอบบ้าง โดยจะทำพิธีที่วัดอัมพวันซึ่งเป็นวัดเก่าแก่เคยได้ร่วมสร้างกุศลกับพระคุณเจ้าท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล มานานกว่า ๓๐ ปี เมื่อได้ปรึกษาลูกและภรรยาแล้วก็มีความเห็นชอบสนับสนุนดังนั้นข้าพเจ้าและครอบครัวออกเดินทางไปวัดอัมพวันเมื่อ ๒๕ มี.ค. ๓๘ ได้กราบเรียนท่านเจ้าคุณและแจ้งวัตถุประสงค์แล้วพระคุณเจ้าได้กำหนดทำพิธีวันที่ ๗ ต.ค. ๓๘ โดยร่วมกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ (ลูกศิษย์ของท่าน) เมื่อเสร็จธุรกิจจึงกราบลาท่านเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ข้าพเจ้าคิดเตรียมการเรื่องวัตถุปัจจัยไทยทาน ควรจะมีสิ่งใด หาซื้อที่ไหน ขณะนั้นร่างกายปกติดีทุกอย่าง ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีเค้าเมฆฝนหรือเหตุการณ์ใดๆ จะเป็นอุปสรรคมาขวางกั้นในการจัดงานครั้งนี้ แล้วเหตุการณ์ก็อุบัติขึ้นไม่ทันรู้ตัวนั่นคือ ในคืนวันที่ ๒๘ มี.ค. ๓๘ เวลาประมาณ ๓ ทุ่มเศษ เกิดอาการแน่นเหนื่อยหอบหายใจดังครอกๆ ข้าพเจ้าได้หยิบยาอมใต้ลิ้น (ISORDIL) ใส่โคนลิ้น จำนวน ๓ ครั้งๆ ละเม็ด แต่อาการหาได้ทุเลาลงไม่ ภรรยาบอกให้รีบไปโรงพยาบาลรามา ข้าพเจ้าก็ตกลงทันที มีลูกสาวเป็นคนขับรถ ข้าพเจ้านั่งข้างหน้ามี น.ส.ดวงศรีฯ(เด็กที่บ้าน) ประคองตัวอยู่ด้านหลัง และภรรยาระยะทางจากบ้านฝั่งธนฯไปโรงพยาบาลรามาประมาณ ๒๐ กม. อาการปวด เหนื่อยหอบได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นตามลำดับ ข้าพเจ้าได้ตั้งสติกำหนดปวดหนอๆเพ่งไปที่หัวใจตลอดเวลา รถแล่นมาติดไฟแดงตรงทางแยกทุกแห่ง เลยเพิ่มอารมณ์เครียดทำให้ปวดหนักขึ้นนึกถึงเทพยาดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์และคุณครูบาอาจารย์จงมาช่วยให้ลูกหายปวดโรคด้วยเถิด ความนึกคิดมันว้าวุ่นจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะเกิดเวทนารุนแรงเหลือเกิน กำหนดไม่ได้ผลได้แต่ร้องโอย ๆ ปวดเหลือเกิน คิดว่าเมื่อไรจะถึงโรงพยาบาลเสียที ลูกขับรถก็ใจไม่ดีได้แต่ปลอบใจให้พ่อทนเอาหน่อย ประเดี๋ยวก็ถึงแล้ว เมื่อรถแล่นข้ามทางรถไฟ (ข้างกระทรวงการต่างประเทศ) มือซ้ายของข้าพเจ้าร่วงตกจากราวที่เกาะคอพับลง แล้วความมืดเข้ามาแทนที่เป็นเจ้าชายนิทราโดยไม่รู้ตัว (ไม่รับรู้จากทวารทั้ง ๖ โดยสิ้นเชิง) และข้าพเจ้าได้มารู้สึกตัวอีกครั้งหนึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่เข็นรถนอนเข้าลิฟท์ ล้อรถเข็นได้สะดุดกับขอบประตูลิฟท์ ทำให้เกิดการสะดุ้งกระพริบตา คุณหมดภัทราพร อิศรางกูร ณ อยุธยา (ญาติ) ได้กำกับดูแลมาตั้งแต่ต้นเฝ้าดูอาการข้าพเจ้าเห็นว่าคนไข้คงจะรู้ตัวจึงเรียกชื่อเบาๆ ข้าพเจ้าก็ลืมตารับรู้ แล้วคุณหมอได้บอกว่ามีญาติหลายคนมาเยี่ยมทำใจให้สบาย ขณะนี้จะพาขึ้นไปห้อง CCU ชั้น ๙ อย่าได้กังวล ข้าพเจ้าก็หลับตานึกขอบคุณทุกๆท่านที่ได้ช่วยเหลือในยามคับขันเช่นนี้และใจนึกขอให้ลิฟท์ขึ้นสู่ชั้น ๙ เร็วๆ เพียงชั่วอึดใจเจ้าหน้าที่ก็เข็นเตียงเข้าสู่ตึก CCU ห้องที่ ๔ ชั้น ๙ ได้พบคุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์ และคุณหมออีกหลายคน ตลอดจนเจ้าหน้าที่พยาบาลได้ยืนรอเตรียมปฏิบัติงานตามแผนไว้ล่วงหน้าแล้วเมื่อเปลี่ยนถ่ายเตียงเรียบร้อย ข้าพเจ้าถูกฉีดยาชาอาการสะลืมสะลือ ได้ยินเสียงคุณหมอสันต์สั่งการต่อสายหลายเส้นสับสนชุลมุนอยู่ในลำคอ จมูก แขน ที่ปัสสาวะฯ ต่างทำงานแข่งกับเวลา ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนเวลา ๒๓.๐๐ น. ข้าพเจ้าไม่มีโอกาสถามปัญหา ได้แต่ฟังคุณหมอพูดอย่างเดียวเพราะพูดไม่ได้ ไม่มีเสียงออกจากลำคอเลย จึงเกิดอารมณ์เครียดบ้างเล็กน้อยเพราะไม่รู้สาเหตุ ได้แต่ใช้ภาษาใบ้แทนโดยพยักหน้า ส่ายหน้าเท่านั้น เช้ารุ่งขึ้นจึงทำมือส่งสัญญาณขอดินสอกระดาษไว้ประจำเตียงจะได้เขียนถามและตอบให้เข้าใจกัน จึงได้รู้ว่าต่อท่ออ๊อกซิเจนทับหลอดเสียงเข้าสู่ปอด ถ้าอาการดีจะถอดออกใน ๒-๓ วัน ขณะนี้งดพูดไว้ก่อน ข้าพเจ้ามีความอึดอัดต้องนอนถ่ายปัสสาวะอยู่บนเตียงการดูดเสมหะออกจากลำคอทุกวันเจ็บมากแทบจะอาเจียนระบมเจ็บคอทุกครั้ง เมื่อได้เอาท่อสายอ๊อกซิเจนออกจากคอแล้ว เหลือไว้บางสายที่จำเป็นทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาก พูดได้ในระยะแรกเสียงแผ่วเบา และดีขึ้นตามลำดับ เช้าวันหนึ่งได้มีโอกาสถามคุณหมอธีระฯ เรื่องการหายใจดังครอกๆ เกิดจากอะไร? คุณหมอได้บอกว่าเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจด้านล่างซ้ายไม่ทำงานดูดอ๊อกซิเจน-เลือดแดงจากปอดไปสู่หัวใจจึงเกิดน้ำท่วมปวด เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องดูดเสมหะออกจากลำคอ ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดทุกครั้งเป็นเรื่องธรรมดา วันที่ ๓ เม.ย. ๓๘ คุณหมอสันต์ฯ และคุณหมอธีระฯได้ตรวจอาการเห็นว่าทุกอย่างเข้าขั้นปกติ จึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลวันที่ ๔ เม.ย. ๓๘ แล้ว คุณหมอสันต์ฯได้ทำการตรวจโรคติดตามผลประจำ ๒ สัปดาห์ ประจำเดือน ประจำ ๒ เดือนตามลำดับ ผลปรากฏว่าเป็นที่น่าพอใจ แต่ให้พยายามลดน้ำหนักตัวลงอีกหน่อยจะดีกว่านี้

การเจ็บป่วยครั้งนี้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ญาติบางคนสงสัยเมื่อคืนวันที่ ๒๘ มี.ค. ๓๘ นอนสลบไสลหัวใจหยุดเต้น ต้องผายปอดอยู่นานพอสมควร เจ้าหน้าที่เข็นรถขึ้นลิฟท์ลืมตาได้อาการดีวันดีคืนน่าแปลกใจจริงๆ ข้าพเจ้ารู้ได้เฉพาะตัว บอกไปใครจะเชื่อ ถ้าจะพูดรวมๆก็สรุปได้ว่ายังไม่ถึงเวลากระมัง กุศลเก่ายังหนุนอยู่ สู้ต่อไปในการปฏิบัติกรรมให้มากยิ่งขึ้น

ได้มีผู้เห็นเหตุการณ์และบอกเล่าประกอบเรื่องเป็นข้อมูลน่าเชื่อได้ดังนี้

๑. การเจ็บป่วยหนักแทบเอาชีวิตไม่รอด

* ลูกสาว (ขับรถ) บอกว่าคุณพ่อมีอาการหนักมากร้องครวญครางตลอดเวลา ทำให้ใจไม่ค่อยดีจึงขับฝ่าไฟแดงทางแยกในบางช่วง เมื่อข้ามทางรถไฟแล้ว มือซ้ายของพ่อตกพร้อมคอพับลงจึงบอกให้ดวงศรีประคองศีรษะไว้ จนรถแล่นมาจอดข้างตึกอุบัติเหตุได้รีบบอกเจ้าหน้าที่นำรถเข็นมารับ ตอนนั้นพ่อสลบแล้วต้องอุ้มขึ้นเตียงเข็นเข้าห้องฉุกเฉินเป็นจังหวะพอดีไม่มีคนไข้อื่น คุณหมอและเจ้าที่รับดำเนินการปั๊มหัวใจทันที

* น.ส.ดวงศรีฯได้เล่าว่าได้ประคองศีรษะของข้าพเจ้ามาถึงตึกอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่อุ้มนอนบนรถเข็นได้เอามือจับแขน-ขาดูมีความเย็นไปหมดจึงร้องไห้ และได้ตามเข้าไปดูในห้องฉุกเฉิน ได้เห็นหมอและเจ้าหน้าที่ชาย ๓ คน ขย่มร่างข้าพเจ้า คนแรกเอาฝ่ามือทับกันแล้วกดขย่มบนหน้าอกอย่างแรง คนที่สองเอาฝ่ามือทับกดบริเวณท้อง ส่วนคนที่สามเอามือทั้งสองแยกกดไหล่ ๒ ข้างอย่างเต็มที่ ทำเช่นนี้นานหลายนาทีจนกระทั้งมือเท้าเริ่มอุ่น หัวใจเต้นทำงานแล้วคงให้เจ้าหน้าที่คนที่สองและคนที่สามหยุดยังเหลือคนแรกทำต่อไปเจ้าหน้าที่หญิงได้สวมทออ๊อกซิเจนที่จมูก ในขณะนั้นได้เห็นคุณหมอภัทราพรฯเดินเข้ามาบอกเจ้าหน้าที่และกลับออกไปต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข็นรถไปขึ้นลิฟท์

* ลูกชาย (กบ) ได้บอกว่า พ่ออยู่ในขั้นโคม่าน่าวิตกเจ้าหน้าที่กำลังขย่มตัวให้หัวใจกลับทำงานจึงได้รีบโทรศัพท์ไปวัดอัมพวัน คุณครูวรรณาได้รับสาย จึงเล่าเรื่องแล้วกราบเรียนหลวงพ่อให้ช่วยเหลือด่วนด้วย ครูวรรณาแจ้งว่าท่านกำลังอบรมพระเณรฯ จะเข้าได้หรือไม่ยังไม่รู้แต่จะลองดู

* คุณเทียนชัย ภู่พิพัฒน์ ได้ไปเยี่ยมท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคล เมื่อ ๒๐ พ.ค. ๓๘ ได้โทรฯมาบอกข้าพเจ้าว่า “ ท่านเจ้าคุณพูดว่าไม่แผ่เมตตาไปพอดีเห็นเสธ.นอนแผ่อยู่บนเตียง แต่คิดอยู่ในใจว่าคงไม่เป็นอะไร” ข้าพเจ้าเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลรามาหลายครั้ง แต่ละครั้งยังมีสติดีไม่เจ็บปวดรุนแรงเหมือนครั้งนี้ ปวดเจ็บจนสลบ หัวใจหยุดเต้นหลายนาที ได้อาศัยบุญบารมีพระคุณเจ้าหมอวรชาติฯ เจ้าหน้าที่ที่มีความสามารถ จึงกลับฟื้นคืนชีวิตมาได้อย่างรวดเร็ว นับว่ามีพระคุณอย่างสูงมิรู้ลืมเลือนไปได้เลย

๒. ความประมาท

 ข้าพเจ้ายังมีความประมาท หย่อนยานการปฏิบัติต่อคำแนะนำคำเตือนของแพทย์ในเรื่องอาหารการกิน ตามใจปากไม่ค่อยหลีกเลี่ยงไขมัน ออกกำลังเดินน้อย นอนมากลดน้ำหนักไม่ได้ตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด อมยาใต้ลิ้นเพราะแพ้ผงชูรสอยู่เป็นประจำ เกิดความเครียดภายในครอบครัวอยู่เสมอ จึงทำให้เกิดเส้นเลือดเดิมตีบอีก เลือดไหลเวียนไปสู่หัวใจไม่สะดวกจำต้องวกวนหาทางเดินเส้นใหม่โดยบังเอิญหรือใช้พลังจิตทะลุทะลวงก็เหลือที่จะเดาได้ นับว่าเป็นบทเรียนสำคัญยิ่งคือความประมาทเป็นหนทางแห่งความตาย

๓. ความหมายคำว่าสลบ และหัวใจหยุดเต้น

 ข้าพเจ้ายังไม่ทราบดีนัก จึงได้เรียนถามคุณหมอ ท่านได้อธิบายว่า

  • คำว่าสลบนั้น หัวใจยังทำงานอยู่ แต่ไม่มีความรู้สึกรับรู้สิ่งใดทั้งสิ้นชั่วระยะหนึ่งหรือตลอดไปจนถึงสิ้นลมปราณแบบเจ้าหญิงหรือเจ้าชายนิทรา
  • คำว่าหัวใจหยุดเต้น หมายถึงหัวใจไม่ทำงานสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ทุกส่วนหยุดนิ่งไม่ไหวติง เครื่องมันดับปั๊มไม่ติดต้องตายแน่ๆ ปลุกไม่ตื่น เตรียมจัดฌาปนกิจได้แล้ว แต่ข้าพเจ้ารอดมาได้อย่างหวุดหวิด ทางเบื้องบนให้โอกาสทำกุศลต่อ

๔.การปฏิบัติธรรม

ข้าพเจ้าได้นำหลักคำสอนในเรื่องการเจริญสติปัฏฐาน ๔ มาพิจารณา เมื่อเกิดเวทนาขึ้นในคราวนี้มาใช้ปฏิบัติ ปรากฏว่าไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้รู้ว่าพลังจิตยังอ่อนใช้การไม่ได้ ซึ่งตั้งสติกำหนดปวดหนอยังจุดที่ปวดยิ่งปวดหนักไม่มีการสร่างซาจนกระทั่งสลบ หัวใจหยุดเต้น ถ้าไม่ได้คุณหมอและพระคุณเจ้าช่วยแล้วคงไปอยู่วัดแน่ๆ การปฏิบัติธรรมที่บ้านไม่เหมือนอยู่ที่วัดเพราะมีข้อบกพร่องไม่ถือศีล ๘ (กินข้าว ๓ มื้อ) ไม่มีความวิเวก มีแต่ความเครียดเข้ามาแทน เวลาเริ่ม-จบไม่แน่นอน ข้าพเจ้ามารู้ตัวในคราวนี้ว่ายังมีส่วนบกพร่องจึงต้องแก้ไขให้ดีกว่าเดิมเท่าที่จะทำได้

๕.การบริการ

 คุณหมอและเจ้าหน้าที่พยาบาลอำนวยความสะดวกให้การรักษาเป็นอย่างดียิ่ง ทุกคนเอาใจใส่ในหน้าที่ มีอารมณ์เย็นพูดจากับคนไข้เป็นกันเอง ใช้จิตวิทยาเข้ากับคนป่วยเหมือนญาติสนิท มีความข่มใจอดทนในการบริการต่อผู้ป่วยที่จิตผิดปกติ ผลัดเปลี่ยนเข้าเวรเฝ้าตรวจคนไข้แต่ละคนโดยให้อาหาร ยา ดูแลการขับถ่าย วัดความดัน วัดอุณหภูมิ อ๊อกซิเจนในปอด ตามเวลาที่กำหนดแล้วบันทึกข้อมูลในเวชระเบียน นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่มา X-RAY ทำ EKG (กราฟหัวใจ) เพื่อให้คุณหมอได้พิจารณาสั่งการต่อไป คุณหมอมาตรวจคนไข้ในตอนเช้าและบ่ายเป็นประจำ บางครั้งนำนักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายมาดูและอธิบาย CASE พิเศษอีกด้วย

การเกิดแก่เจ็บตาย ย่อมเป็นทุกข์ตามพระไตรลักษณ์ที่เป็นสัจจธรรม ข้าพเจ้าได้หมดลมหายใจไปชั่วขณะเปรียบเสมือนว่าขาดลอยลมหายใจเพราะสายป่านขาดลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศไม่รู้ทิศทางที่จะเหินขึ้นบนหรือปักหัวลงล่าง ยังมีบุญกุศลที่พระคุณเจ้าพระราชสุทธิญาณมงคลได้แผ่เมตตามาจังหวะพอดี ในขณะที่คุณหมอและเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังปั๊มหัวใจจนกระทั่งหัวใจทำงานได้ตามปกติ แล้วเจ้าหน้าที่ก็นำเข้าสู่ตึก CCU (ห้องฉุกเฉิน) ซึ่งคุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์ พร้อมเจ้าหน้าที่รอรับดำเนินการรักษาสืบต่อไป จนร่างกายแข็งแรงกลับมาบ้านแล้วบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่รอดมาได้อย่างอัศจรรย์ใจจริงๆ ให้ผู้อ่านได้ทราบ

ข้าพเจ้าใคร่ขอกราบขอบพระคุณ แพทย์ พยาบาล ซึ่งมีคุณหมอวรชาติฯ คุรหมอธีระฯ คุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์ (ท่านมีความเชี่ยวชาญชำนาญโรค รักษาข้าพเจ้ามาแต่แรก ปี ๑๖ จนปัจจุบัน) คุณหมอภัทราพร อิศราง กูร ณ อยุธยา (ซึ่งเป็นญาติสนิท ช่วยเหลือประสานงาน อำนวยความสะดวกทุกๆครั้งที่ข้าพเจ้าป่วยเจ็บ) หัวหน้าและเจ้าหน้าที่พยาบาลทุกๆท่านในหน่วย CCU. ( CARDIAC CARE UNIT) ตลอดจนพระคุณเจ้าท่านเจ้าคุณพระราชสุทธิญาณมงคลได้โปรดแผ่เมตตาบารมีให้อยู่รอดปลอดภัยเสมอมา แม้แต่พระคุณเจ้ากำลังอบรมแนะนำญาติโยมสมณชีพราหมณ์ก็ยังเสียสละละชั่วคราว เพื่อช่วยให้ข้าพเจ้ากลับฟื้นคืนได้ทันเวลาในขณะชุดแพทย์กำลังปั๊มหัวใจอยู่ นับว่าโชคดีของข้าพเจ้าเป็นอย่างมาก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ พระคุณเจ้าได้เตือนย้ำอยู่เสมอว่า อย่าประมาท จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้แน่ จงเข้าวัดปฏิบัติธรรมเสียแต่วันนี้ อย่างผลัดวันให้เนิ่นนานไป เอาเพียงแค่เจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็พอแล้วสามารถบอกตัวได้ใช้ตัวเป็น นำมาแก้ปัญหาชีวิตประจำวันได้ ไม่ต้องพึ่งใครถามใคร เห็นแต่โยมเข้าวัด เอาแต่ทุกข์มาให้พระแก้ปัญหาร้อยแปด เราทำเองต้องแก้เองมันถึงจะถูก นอกจากเหตุสุดวิสัยนั่นแหละ โม่ง จะเข้าไปช่วยเหลือเมื่อจำเป็น บางคนโดนเวทนาเล่นงานเข้าหน่อยสู้ไม่ไหวเลิกเลย ขืนทำเช่นนี้อีกเร้อยปีก็ไม่สำเร็จ เราเกิดมาเป็นคนนั้นแสนยาก นับว่าโชคดีได้มาพบพระพุทธศาสนา เราต้องตักตวงเอาของดีเข้าไว้ในตัวให้มาก พระคุณเจ้าได้มองเห็นการณ์ไกลจึงเร่งอบรม พัฒนาจิตเยาวชน มุ่งเสกคนให้เป็นงาน อยู่ในศีลธรรมร่วมพัฒนาชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป นับว่าเป็นโครงการที่สำคัญลึกซึ้งทำให้ประเทศชาติมั่งคั่งและมั่นคงในที่สุด

ในวาระดิถีเวียนมาบรรจบ ครบรอบวันเกิดท่านเจ้าพระคุณราชสุทธิญาณมงคล จึงขออำนวยพระให้ท่านมีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงปราศจากโรคาพยาธิ ประสบความสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการเทอญ