ของดีที่วัดอัมพวัน
โดย พลตรี ดร.วิสาร ชนะรัตน์
(ผู้ช่วยอำนวยการสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทหารกลาโหม
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ผช.ผอ.สวพ.กห.))
กระผมมีความสุขใจมาก ที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมปฏิบัติธรรม ในโครงการปฏิบัติธรรมถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช ทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปี ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ณ วัดอัมพวัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ มิถุนายน ๒๕๓๙ ซึ่งพวกเราได้รับความเมตตาจากท่านผู้บังคับบัญชาท่านปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกไพบูลย์ เอมพันธุ์ เดินทางไปเป็นประธานในพิธี รวมทั้งศรีภริยาของท่าน คือ คุณหญิงวาณี เอมพันธุ์ และหัวหน้าส่วนราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นับเป็นนิมิตหมายที่ดียิ่งในการใช้หลักธรรมของพระพุทธศานา พัฒนาจิตใจของกำลังพลในกองทัพให้เป็นข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ถึงพร้อมด้วยคุณธรรม และจริยธรรม นำของดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งอยู่คู่โลกมาแต่บุราณกาล ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อราชกิจราชการ และต่อประชาชนของประเทศในที่สุด ให้สมกับที่ทั่วโลกเขายกย่องว่าประเทศไทยมีพระเจ้าแผ่นดินที่ดีที่สุดในโลก และเป็นเมืองแห่งพระพุทธ ศาสนา ซึ่งเป็นศาสนาที่ดีมาก เป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ที่จะต้องขวนขวายนำศาสนามาใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน บ้านเมืองของเราจะได้สุขสงบร่มเย็นและเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป
พวกเราได้รับความสะดวกสบายมากในระหว่างการอบรมปฏิบัติธรรม สถานที่พัก อาหาร ศาลาปฏิบัติธรรมบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมเหมาะสมมาก จำนวนผู้ปฏิบัติธรรมโดยรวมไม่ต่ำกว่าพันคน แต่ไม่มีความสับสนวุ่นวายเลยเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานประสานคล้องจอง หลวงพ่อเป็นนักบริหารที่ดีมาก ทุกคนปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ สถานที่ปฏิบัติธรรม ณ วัดอัมพวันนี้สมควรยึดถือเป็นมาตรฐานระดับโลกได้ กระผมใช้เวลาศึกษาและฝึกอบรมในต่างประเทศรวมแล้ว ๑๑ ปี ตั้งแต่ปริญญาตรี ถึงปริญญาเอก และกำลังเรียนเสนาธิการสหรัฐฯ ขอเอาเกียรติยืนยันคำกล่าวนี้
หลวงพ่อได้ทุ่มแทกำลังกาย กำลังใจ มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยมิเห็นแก่เหน็ดแหนื่อยในการปลุกคนให้ตื่น ในการสร้างคนให้เป็นคนดี ให้มีสติอยู่ที่จิด และผึกฝนต่อไปจนกระทั้งสามารถมีสตินำจิต รู้จักอ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น เห็นตัวตาย ทั้งนี้เพื่อที่จะได้คลายทิฐิ ดำริชอบ ประกอบกุศล และได้ผลงานที่ดีเป็นหลักสำคัญ จำนวนข้าราชการทุกหมู่เหล่า พี่น้องประชาชน และพระภิกษุ สามเณร หมุนเวียนเข้ารับการอบรมปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันมีจำนวนเรือนแสนต่อปี เมตตาธรรมของหลวงพ่อสูงยิ่งนักรายละเอียดของหลักการปฏิบัติและคำสอนรวมทั้งประสบการณ์ในแง่มุมต่างๆ หลวงพ่อได้รวบรวมไว้ในหนังสือ “พุทโธโลยี”ซึ่งจัดพิมพ์ให้หนังสือระดับมาตรฐาน โดยสำนักพิมพ์ธุรกิจก้าวหน้า ในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราช เนื่องในมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี สมควรที่จะมีไว้เป็นแนวทางดำเนินชีวิตและแก้ปัญหาชีวิตต่อไป
กระผมได้เข้าปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันตั้งแต่สมัยครองยศพันเอก ในกองทัพบก ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้ากรมยุทธโยธาทหารบก เมื่อประมาณ ๗ ปีที่แล้ว โดยเข้าร่วมในโครงการที่กองทัพบกโดยกรมยุทธศึกษาทหารบกจัดกำลังพบมาปฏิบัติธรรมพัฒนาจิตใจที่วัดนี้ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้อนุมัติให้จัดตั้งศูนย์พัฒนาจิตใจกำลังพลกองทัพบกขึ้นที่นี่ การปฏิบัติธรรมในครั้งนั้นใช้เวลา ๗ วันได้ผลดีมาก จากสิ่งที่ผุดขึ้นมาทางมโนทวารขณะปฏิบัติธรรม ทำให้กระผมรู้ผิดชอบชั่วดีไม่สามารถที่จะฆ่าสัตว์ได้อีกอย่างเด็ดขาด รวมทั้งศีลข้ออื่นๆใน ๕ ข้อ ก็เคร่งครัดถือเป็นปกติของชีวิตขึ้นเรื่อย จนเว้นการดื่มเครื่องดองของมึนเมาได้เด็ดขาดในที่สุด ซึ่งเรื่องต่างๆเหล่านี้ ตัวสติและตัวปัญญาจะบอกจิตในสถานการณ์ต่างๆเอง ว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะเหมาะสม สิ่งที่นักปฏิบัติธรรมเพียรพยายามฝึกฝนจะผุดออกมาใช้เป็นผลโดยอัตโนมัติในขณะนั้นๆ ในวินาทีที่ปัญหาจะเกิด เราจะเอาตัวรอดได้ ผลที่ได้จาการฝึกฝนปฏิบัติธรรมกรรมฐาน จะทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมทำอะไรที่เหมาะเจาะหมดจด มีน้ำใสใจจริงสวยสดงดงาม ถูกต้องและพอดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งได้รับเความเมตตาจากผู้ใหญ่คือเทวดา
ภรรยาของกระผมคือ อาจาย์วิจิตรวงศ์ ชนะรัตน์ ซึ่งทำงานในบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ตำแหน่งผู้บริหารโครงการทุนการศึกษา สำนักประธาน ได้สนใจอ่านหนังสือที่หลวงพ่อแจกให้เมื่อจบการฝึกอบรมจำนวนหลายเล่ม เพื่อเป็นแนวทางนำมาฝึกต่อที่บ้าน หลังจากเธอได้อ่านแล้วก็สนใจให้กระผมพาเธอและลูกทุกคนรวมทั้ง “คุณย่า” คือคุณแม่ของกระผมมาพบหลวงพ่อ หลวงพ่อเรียก “ซูง้อ” มานำไปปฏิบัติธรรม พวกเราทั้งครอบครัวจึงมีโอกาสได้พบแสงสว่าง นำหลักการและวิธีการของท่านไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้รับผลดีในชีวิตกันถ้วนทั่วทุกคน ครอบครัวมีความสุข มีความก้าวหน้าในชีวิตราชการและบริษัท ลูกๆได้รับการศึกษาดีตามที่เขาตั้งใจไว้ ลูกสาวคนโตเป็นนิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลูกชายคนกลางเป็นนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ กำลังจะพยายามสอบชิงทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศซึ่งส่งให้เรียนฟรีถึงระดับปริญญาโท ในสาขาที่ตนถนัดและกองทัพต้องการ ส่วนลูกสาวคนเล็กก็ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่ตนต้องการสมใจ คุณย่าซึ่งเคยป่วยเป็นโรคเบาหวานขั้นรุนแรงเป็นอัมพฤกษ์ไปครึ่งซีกแล้ว ก็หลับกายเป็นปกติเดินเหินได้คล่องแคล่วแข็งแรงดี ขณะนี้อายุ ๗๕ ปีแล้ว บอกลูกหลานว่า แม่มีความสุขมาก มีบุญที่มีลูกหลานดีทุกคน
ทั้งหมดนี้กระผมและภริยายืนยันว่า ได้มาจากการปฏิบัติธรรม ซึ่งท้ายสุดจะช่วยส่งผลให้เกิดผลงานที่ดีแน่นอนเพื่อนหลายคนสงสัยว่ากระผมเป็นด๊อกเตอร์ทางวิศวกรรมศาสตร์ ไม่น่าเชื่อว่าสนใจเรื่องนี้ กระผมตอบว่า “เพื่อนเอ๋ยเราจบด๊อกเตอร์จากสหรัฐมาก็จริง เรากลับค้นพบว่าความรู้ที่มานั้นเป็นความรู้ภายนอก แต่เรื่องจิตของเราเองเรามีความรู้น้อยเหลือเกิน เราต้องการจะรู้เรื่องจิตให้ละเอียดลึกซึ้ง และหลังจากการมาปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันแล้ว จึงรู้ว่ากระบวนการพัฒนาจิตนั้นก็เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์นั่นเองโดยใช้ร่างกายและจิตใจของมนุษย์คนนั้นๆ เป็นห้องทดลองมิใช่เป็นกระบวนการทางไสยศาตร์แต่อย่างใด ถ้าจิตของเราพัฒนาถึงระดับนี้ ผลจะออกอย่างนี้ๆแน่นอน ที่สำคัญจะต้องหาอาจารย์ที่รู้จริง และเริ่มทดลองปฏิบัติธรรมกรรมฐานกันจริงจังแค่ไหนเท่านั้นเอง ห้องทดลองทางเคมีถ้าไม่มีครูดีหรือไม่รู้จริง หรือทดลองเล่นๆ ทำบ้างหยุดบ้าง ผลมันก็ไม่ออกเหมือนกัน หรืออาจเป็นอันตรายได้”
ก่อนที่จะจบเรื่องนี้ อยากบอกเพื่อนๆผู้ร่วมปฏิบัติธรรมและผู้อ่านทุกท่านให้ทราบว่า วัดอัมพวันของหลวงพ่อมีของดีหลายอย่าง อยากจะเล่าเรื่องที่กระผมมีประสบการณ์ ก็คือ แม้แต่เรานอนหลับแล้วฝันยังมีผู้หวังดีที่คอยห่วงใย มาเคาะประตูกปลุกให้เราตื่นเพื่อหยุดฝันได้ ดังนั้นผู้เข้าวัดอัมพวันทุกท่านหมดกังวลได้เลยนะครับ ท่านจะได้รับการดูแลอย่างดีในทุกเรื่อง และจะได้ของดีกลับออกไปสร้างความสุขความเจริญให้แก่ตัวเอง แก่ลูกหลาน ผู้ใกล้ชิดทุกคนแน่นอนครับสำคัญท่านอย่าหยุด ท่านจะต้องนำเอาวิธีการที่ได้รับมาปฏิบัติต่อที่บ้านพัฒนาจิตของท่านให้มีคุณสมบัติดีขึ้นเรื่อยๆ ผลดีจะออกมาเองหลักวิทยาศาสตร์ ดังที่หลวงพ่อใช้คำว่า “พุทโธโลยี”ครับ